ครั้นพร้อมแล้วก็วิ่งตรงไปยังตัวเมืองทิมพู เพื่อไปหาร้านอาหารสำหรับรับประทานเป็นมื้อกลางวัน แต่ปรากฏว่าร้านอาหารของเขามีแต่เล็ก ๆ รับคณะของเราทั้งคณะไม่ได้
ดังนั้น..เราจึงจอดรถอยู่ข้างร้านอาหารใกล้พระเจดีย์องค์ใหญ่ เข้าไปแล้วเห็นอาหารของเขาเป็นบุปเฟต์ กระผม/อาตมภาพที่ไม่เคยรังเกียจอาหารพื้นบ้านที่ไหนเลย จึงจัดการตักมาทุกอย่าง พอชิมเข้าไปแล้วยังรู้สึกดีใจมาก เพราะว่าอาหารทุกอย่างรสชาติค่อนข้างจะดีทีเดียว แล้วหลังอาหารก็ยังมีฟรุตสลัดมาให้อีกต่างหาก
เมื่อเข้าห้องน้ำกันเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางไปยังวัดบนเขา ชื่อว่าวัดชากังคา ลาคัง ซึ่งคำว่า ลาคัง ก็หมายถึงวัดนั่นเอง วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ที่คนภูฏานนิยมนำเอาลูกเล็กเด็กแดงมาขอพร และขอให้พระตั้งชื่อให้ ปรากฏว่าที่นี่ก็ต้องถอดรองเท้าอีกแล้ว พวกเราจึงได้แต่กราบพระทำบุญกัน แล้วกระผม/อาตมภาพเดินวนดูวิวรอบวัด ซึ่งเห็นตัวเมืองทิมพูที่สวยสดงดงามมาก
จากนั้นก็ยังมีเวลาเหลือ ทางมัคคุเทศก์จึงนำเราลงจากวัด มุ่งตรงขึ้นเขาไปอีกด้านหนึ่ง บอกว่าพาไปชมสัตว์ประจำชาติของภูฏาน คือ ทาคิน กระผม/อาตมภาพได้ยินว่าเป็นสัตว์ที่มีเฉพาะทางด้านนี้ แต่ตนเองนั้นเคยไปพบที่ประเทศพม่า และเข้าไปลูบ ๆ คลำ ๆ มา โดยที่เจ้าหน้าที่สวนสัตว์พม่าไม่ได้ห้ามปรามอะไรมาแล้ว..!
เมื่อมาถึงสถานที่จอดรถ บรรดามัคคุเทศก์ลงไปซื้อตั๋ว กระผม/อาตมภาพฉวยโอกาสเดินเข้าไปก่อน เส้นทางแบ่งออกเป็น ๒ สาย ก็คือทางขวามือจะเดินขึ้นไปบนเส้นทางที่เขาทำเป็นทางเดิน อยู่ในลักษณะลดเลี้ยวไปตามป่าสน ซึ่งคุณตี๋ มัคคุกเทศก์บอกว่าควรจะขึ้นทางด้านนั้น เพราะว่าช่วงนี้แดดร้อนมาก ตัวทาคินจะหลบร้อนอยู่ในป่า แต่บังเอิญ "เจ้าแม่" ท่านบอกว่า "ให้ไปทางซ้ายมือ" ซึ่งต้องเดินขึ้นเนินไป
กระผม/อาตมภาพจึงบอกคุณตี๋ว่า "จะเดินไปทางนี้ เดี๋ยวค่อยอ้อมไปทางด้านหลังแทน" แต่พอโผล่ขึ้นเนินไปก็ตะลึง เพราะว่าบรรดาทาคินเป็นสิบ ๆ ตัว แห่กันมารออยู่ทางด้านนี้ สามารถที่จะถ่ายรูปได้อย่างใจ แถมยังจับลูบ ๆ คลำ ๆ ได้ทุกตัวอีกด้วย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 03:05
|