ครั้นถ่ายรูปจนกระทั่งครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว พวกเราก็กลับขึ้นรถและวิ่งต่อไป ไม่ถึง ๒๐ นาทีก็มาถึงบริเวณด่านชูซอม ซึ่งบริเวณนี้เป็นสบแม่น้ำ ๒ สาย มีพระเจดีย์ ๓ องค์ เป็นศิลปะทิเบต ๑ องค์ ศิลปะภูฏาน ๑ องค์ และศิลปะเนปาล ๑ องค์ พวกเราก็เลยเรียกกันว่าด่านเจดีย์ ๓ องค์ และเป็นการดีที่ตรงนี้มีห้องน้ำให้เข้ากันได้ด้วย พวกเราจึงหามุมถ่ายรูปกันตามอัธยาศัย
จนกระทั่งพอเพียงแล้ว ก็วิ่งออกจากเมืองพาโรตรงไปยังเมืองหลวง ก็คือเมืองทิมพู ไม่ทราบเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ระยะทาง ๖๕ กิโลเมตร พวกเราหยุด ๒ ครั้ง แล้วยังไปถึงเมืองทิมพูก่อนเวลาตั้งนาน จึงแวะไปยังซิมโทกา ซอง ซึ่งเป็นป้อมปราการแห่งแรกของทางประเทศภูฏาน เป็นป้อมปราการที่มีชื่อเสียงมากโดยพิเศษ สร้างขึ้นโดยท่านชับดรุง งาวัง นัมเกล บิดาแห่งประเทศภูฏาน พวกเราไปถึงแล้ว ปรากฏว่าสถานที่ไหนก็ตาม ถ้าต้องถอดรองเท้าก่อนเข้า แปลว่าห้ามถ่ายรูปด้วย และป้อมแห่งนี้ก็ให้พวกเราถอดรองเท้าก่อนเข้าไป
พอดีเป็นเวลาทำวัตรเช้าของทางด้านพระภิกษุชาวภูฏานที่นี่ ได้ยินเสียงสวดมนต์ พร้อมกับเสียงกลอง เสียงระฆังกระหึ่ม น่าเลื่อมใส พวกเราเข้าไปกราบสักการะองค์พระโพธิสัตว์ และพระศากยมุนี พร้อมกับทำบุญและตามประทีปถวายเป็นพุทธบูชา สถานที่นี้มีรูปปั้นของท่านชับดรุง งาวัง นัมเกล อยู่เหมือนอย่างกับเป็นพระประธานองค์หนึ่ง พูดง่าย ๆ ว่าท่านได้รับการยกขึ้นอยู่ในระดับเดียวกับพระโพธิสัตว์ไปแล้ว
เมื่อพวกเราทำบุญและตามประทีปถวายเป็นพุทธบูชากันแล้ว ก็ออกมาทางด้านนอก ขึ้นไปนั่งรอแล้วรอเล่า เฝ้าแต่รอ เพราะว่าพวกเราเคยชินกับการทำอะไรรวดเร็วและตรงเวลา แต่ว่าอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งความจริงก็คือคณะทัวร์หลักเองนั้น มากันแบบเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ ก็เลยทำให้พวกเรารอกันค่อนข้างจะนานทีเดียว
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เผือกน้อย : เมื่อวานนี้ เมื่อ 16:31
|