พวกเราเดินไปยังอาคารเฉลิมพระเกียรติซึ่งสร้างใหม่ เพื่อทำการตรวจประทับตรารับการเข้าเมือง โดยที่ใช้เพียงวีซ่าและพาสปอร์ตเท่านั้น เมื่อเจ้าหน้าที่ทราบว่าพวกเรามาจากประเทศไทย ก็อนุญาตให้ใช้ช่องเฉพาะคนภูฏานอีกต่างหาก เจ้าหน้าที่ทักทายว่า "สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับครับ" ทำเอากระผม/อาตมภาพแทบจะไปไม่เป็น ได้แต่อวยพรกลับไปว่า "ตาชิ ทาเล็ก" ซึ่งก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะใช้ได้สำหรับเรื่องนี้หรือเปล่า ? แต่ก็เห็นเขายิ้มรับด้วยความยินดี
พวกเราได้รับการประทับตราผ่านมาแล้ว ก็ไปรอรับกระเป๋าที่สายพานซึ่งงามสุด ๆ เพราะว่าสร้างเป็นป้อมปราการต่าง ๆ แบบของภูฏานอยู่ทุกสายพาน ทำเอาหลายคนไม่สนใจที่จะรับกระเป๋า หากแต่ว่าวิ่งไปถ่ายรูปกับบรรดาป้อมปราการต่าง ๆ แทน เมื่อได้กระเป๋ามาครบถ้วนแล้ว พวกเราจึงออกจากนอกอาคาร ซึ่งมีเจ้าหน้าที่เรียกชี้ให้บางคน นำกระเป๋าไปสแกนเป็นการสุ่มตัวอย่าง..!
เมื่อออกมาข้างนอก เจ้าหน้าที่ของทางด้านภูฏาน ซึ่งประสานกับทางเอ็นซีทัวร์ไว้แล้ว ก็พาพวกเราไปขึ้นรถ ซึ่งถ้าเป็นบ้านเราก็ประมาณมินิบัส โดยแบ่งออกเป็น ๒ คัน ปรากฏว่าคณะของเรานั้น มีคุณไก่ (โสภา ตั้งอธิคม) กับสามี (วีรวัฒน์ ตะล่อมสิน) หลุดไปอยู่บัสที่ ๒ อยู่คู่เดียว
เมื่อพวกเราขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว ทางด้านมัคคุเทศก์ท้องถิ่นก็นำเอา "ผ้าขะตะ" มาถวายให้ ในลักษณะอวยชัยให้พร ยินดีต้อนรับ แล้วพาพวกเราวิ่งเดินทาง ซึ่งใช้เวลาไม่กี่นาทีก็มาถึงสำนักสงฆ์ตัมโช ซึ่งสถานที่นี้มีสะพานข้ามแม่น้ำพาโร ที่ทำด้วยเส้นลวดเก่าแก่ อายุตั้ง ๖๐๐ ปีมาแล้ว ตอนนี้ปิดใช้งานไป โดยสร้างสะพานใหม่คู่ขนานกัน ให้พวกเราสามารถที่จะเดินข้ามไปถ่ายรูปอีกฝั่งหนึ่ง
กระผม/อาตมภาพเองฉวยโอกาสลงไปถึงแม่น้ำพาโร เสียง "เจ้าแม่" ซึ่งงวดนี้เก็บตัวสนิทเงียบดีมาก บอกว่า "ให้ลองชิมน้ำดู เผื่อว่าจะรักษาโรคได้" กระผม/อาตมภาพลองวักน้ำมาดื่มดู ปรากฏว่าจืดสนิทและเย็นดีมาก
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เผือกน้อย : เมื่อวานนี้ เมื่อ 16:31
|