แต่ท่านลองดูสิกขาบทที่ ๘ ในโกสิยวรรค นิสสัคคีย์ปาจิตตีย์กัณฑ์ ซึ่งระบุไว้ว่า "ภิกษุรับเงินหรือทอง หรือสิ่งของที่ใช้แทนเงินทอง ต้องอาบัตินิสสัคคีย์ปาจิตตีย์" แต่ทางธรรมยุตเขาไม่รับเงินรับทอง แต่ใช้ตั๋วแลกเงินบ้าง ใช้เช็คบ้าง สิ่งนั้นเป็นสิ่งของที่ใช้แทนเงินทองหรือไม่ ?
พอไปสิกขาบทที่ ๙ ในโกสิยวรรค นิสสัคคีย์ปาจิตตีย์กัณฑ์ บอกไว้ชัดเจนว่า "ภิกษุรับเองก็ดี หรือว่าใช้ผู้อื่นรับแทนก็ดี ต้องนิสสัคคีย์ปาจิตตีย์" ก็แปลว่าต่อให้มีไวยาวัจกรรับแทนก็โดนอาบัติเช่นกัน แล้วจะมีประโยชน์อะไรที่จะไปแหกตาชาวบ้านว่าตนเองเคร่งครัดกว่า..!?
แบบเดียวกับที่กระผม/อาตมภาพเจอมาหลายรูป ก็คือท่านไม่ใส่รองเท้า การออกนอกวัดแล้วไม่ใส่รองเท้าไม่ได้แปลว่าเคร่งครัด เนื่องเพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอนุญาตให้มีรองเท้าได้ ก็คือภิกษุผู้ที่เจ็บเท้า เท้ามีบาดแผล หรือว่าเท้าบาง สามารถใช้รองเท้าได้ แล้วอนุญาตให้มีถึง ๒ คู่ ก็คือใช้สำหรับเดินทาง ๑ คู่ เมื่อถึงที่พัก ทำความสะอาดเท้า ทาน้ำมันดีแล้ว สามารถใช้รองเท้าอีกคู่หนึ่งสำหรับใส่เดินในที่พักได้ แล้วจะมีประโยชน์อะไรที่คุณไปทำตัวเคร่งครัดว่าไม่ใส่รองเท้าแล้วดีกว่า ?
หรือแม้กระทั่งที่พวกท่านทั้งหลายเห็น ก็คือพวกเราเดินตากฝนบิณฑบาต แต่พระธรรมยุตกางร่มเดินบิณฑบาตทุกรูป ถ้าท่านทั้งหลายลองไปดู จะเห็นพระพุทธเจ้าอนุญาตไว้ก็คือ ให้กั้นร่มไว้ก็คือในอาราม หรืออุปจารแห่งอารามเท่านั้น ในอารามคือในพื้นที่วัด อุปจารแห่งอารามก็คือที่ใกล้เคียงวัด หรือใช้ร่มเพื่อป้องกันอาพาธอันอาจจะกำเริบ
คราวนี้เราลองคิดว่าดูว่าการเดินบิณฑบาตห่างจากวัดไป อย่างของเราไปกลับ ๕ กิโลเมตร จะนับเป็นอุปจารแห่งอารามได้หรือไม่ ? เพราะอุปจารก็คือใกล้เคียง ข้างวัด โดยเฉพาะวัดเวฬุวันของธรรมยุต อยู่ไกลกว่าวัดท่าขนุนอีก แต่ท่านก็กางร่ม ถ้าจะไปอ้างว่าป้องกันอาพาธอันอาจจะกำเริบ ก็แปลว่าต้องป่วยอยู่ก่อน ไม่ใช่ป้องกันไม่ให้อาพาธ..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:24
|