เมื่อหลวงปู่ปานได้ยินดังนั้น จึงตั้งใจเดินธุดงค์ไป เพื่อที่จะไปกราบหลวงปู่โหน่งที่วัดคลองมะดัน ด้วยความที่เป็นผู้มีมารยาท ไปถึงก็ตั้งใจปักกลดที่ท้ายวัด ขอเวลาเตรียมตัวให้เรียบร้อย ดูท่าทีช่องทางก่อนว่าจะเข้าไปกราบพบหลวงปู่โหน่งได้ตอนไหนดี ? ปรากฏว่ายังไม่ทันจะปักกลด หลวงปู่โหน่งเปิดหน้าต่างกุฏิออกมา ตะโกนบอกว่า "มาถึงแล้วก็ขึ้นมาได้เลย ยังจะไปปักกลดอะไรกันอีก ?" สมัยก่อนไม่มีโทรศัพท์มือถือ ไม่มีใครสามารถบอกได้หรอกว่า พระที่มาด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ท้ายทุ่งนั้นตั้งใจมาทำอะไร ?
ดังนั้น..ในเรื่องของการเรียนการศึกษาของพวกเรา จะลืมจุดหมายปลายทางไม่ได้อย่างเด็ดขาด ประการแรกเลยก็คือศึกษาเล่าเรียนเพื่อเอาความรู้นั้นมาขัดเกลา กาย วาจา ใจ ของเราให้ดีที่สุด
ประการที่สองก็คือนำเอาความรู้นั้นไปเผยแผ่ต่อให้กับผู้ที่สนใจ หรือไม่ก็เอาไว้สั่งสอนญาติโยมที่มาขอความรู้ ไม่ใช่เรียนเพื่อยศ ไม่ใช่เรียนเพื่อตำแหน่ง
แต่ท่านทั้งหลายก็จะเห็นว่าในระยะหลังนั้น จุดมุ่งหมายในการเรียนของพวกเราผิดเพี้ยนไปมาก เนื่องเพราะว่าข้างบน บางทีก็เป็นตัวทำให้เกิดความเพี้ยนไป อย่างเช่นกำหนดว่าสำนักนี้มีพระสอบบาลีได้ ๒๐ รูป สามารถขอเจ้าคุณชั้นสามัญได้ เหล่านี้เป็นต้น ก็ยิ่งกลายเป็นซ้ำเติมให้ออกนอกลู่นอกทางไปไกลยิ่งขึ้น
จึงอยากจะย้ำเตือนทุกท่านว่า การเรียนของเรานั้น เรียนเพื่อรู้ รู้แล้วนำมาปฏิบัติให้เกิดผล เกิดผลแล้วจะได้บอกกล่าวผู้อื่นต่อไปได้ถูกต้องแม่นยำ เนื่องเพราะว่าบางทีตำราก็ไม่สามารถอธิบายได้ละเอียดเท่ากับการปฏิบัติ
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๗ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-10-2025 เมื่อ 01:27
|