ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 18-10-2025, 00:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,303
ได้ให้อนุโมทนา: 159,794
ได้รับอนุโมทนา 4,512,500 ครั้ง ใน 36,916 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อความบริสุทธิ์ของจิตเริ่มมีขึ้น กังขาวิตรณวิสุทธิก็จะปรากฏ ก็คือความลังเลสงสัยเกี่ยวกับแนวทางในการปฏิบัติของเราว่าจะถูกผิด มีผลหรือไม่มีผลอย่างไร แล้วก็ค่อย ๆ ไล่ไปทีละระดับ จนกระทั่งท้ายที่สุดก็คือญาณทัสสนวิสุทธิ ความบริสุทธิ์ของเครื่องรู้ ก็คือรู้เห็นชัดเจน นำตนออกจากกิเลสทั้งปวงได้ ก็แปลว่าเนื้อหาการเรียนของเรา ถ้ามีการปฏิบัติธรรมควบคู่ไปด้วย ถึงจะเข้าใจอย่างลึกซึ้งได้ ไม่เช่นนั้นแล้ว ถึงเวลาครูบาอาจารย์พูดไป เราก็ยังงง ๆ ว่าตกลงจะไปอย่างไรกันแน่ ?

โดยเฉพาะในส่วนของนักธรรมชั้นโท จะว่าไปแล้วก็คือเป็นหลักสูตรของพระคู่สวด ของบรรดาท่านทั้งหลายที่เข้าสู่มัชฌิมภูมิ คือตั้งแต่พรรษาที่ ๖ ขึ้นไป เขาถึงมีกฎเกณฑ์กติกาว่าภายใน ๕ พรรษาแรกต้องสอบนักธรรมชั้นตรีให้ได้ เพราะว่าหลัง ๕ พรรษา เราจะได้นิสัยมุตตกะ ถ้าศึกษามาดีก็มีความพร้อมที่จะเป็นพี่เลี้ยงให้กับพระใหม่ ซึ่งก็คือความเป็นพระกรรมวาจานุสาวนาจารย์นั่นเอง ส่วนนักธรรมชั้นเอกเป็นภูมิรู้ของบุคคลที่จะเป็นเจ้าอาวาส หรือว่าพระอุปัชฌาย์อาจารย์

เพียงแต่ว่าในระยะหลัง ความสำคัญของนักธรรมโดนลดลงไปมาก ไปให้ความสำคัญกับบาลีที่เรียนยากกว่า เพราะว่าต้องไปทำความเข้าใจกับระบบไวยากรณ์ที่เราไม่คุ้นเคย ในเมื่อเรียนยากกว่า เขาก็ให้ราคาไว้สูงกว่า อย่างเช่นการเป็นพระสังฆาธิการระดับเจ้าคณะขึ้นไป ก็คือถ้าจะเป็นเจ้าคณะตำบล อย่างน้อยต้องเป็นเจ้าอาวาสมาแล้ว ๔ ปี ถ้าจะเป็นเจ้าคณะอำเภอ อย่างน้อยต้องเป็นเจ้าคณะตำบลมาแล้ว ๔ ปี เป็นต้น

แต่กฎเกณฑ์กติกาจะมีอยู่ข้อหนึ่งว่า "ยกเว้นว่าเป็นเปรียญเอก" ก็คือถ้าสอบบาลีได้ประโยค ๗ - ๘ - ๙ สามารถที่จะเสียบเข้าไปในตำแหน่งเจ้าคณะปกครองได้ทุกระดับ แล้วแต่ผู้บังคับบัญชาท่านจะพิจารณา ก็เลยทำให้การศึกษาของเราในตอนแรก ที่เรียนเพื่อความเข้าใจชัดเจนในหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จุดมุ่งหมายก็เปลี่ยนแปรไป ก็คือศึกษาเพื่อที่จะได้ไปเป็นเจ้าคณะปกครอง ในเมื่อมีตำแหน่งในการปกครอง มีสมณศักดิ์ ถ้าขาดสติ ไม่รู้ตัว ก็จะยิ่งแบกกิเลสหนักเข้าไปทุกที..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-10-2025 เมื่อ 01:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา