กระผม/อาตมภาพเรียนระดับปริญญาตรี มีวิชาที่ต้องเก็บหน่วยกิตทั้งหมด ๗๕ วิชา แต่ว่าความจริงเราเรียนมากกว่านั้น ปรากฏว่าได้ A ไป ๖๘ วิชา วิชาที่เหลือครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า "พระครูเล็ก ท่านได้ A มากแล้ว เพราะฉะนั้น..วิชานี้ผมไม่ให้" หรือไม่บางท่านก็บอกว่า "วิชานี้ผมจะให้ท่านคะแนนเต็ม ๑๐๐ ก็ได้ แต่ว่าท่านได้มากแล้ว ขออนุญาตตัดสัก ๒ คะแนน" เหล่านี้เป็นต้น ดังนั้น..ญาติโยมทั้งหลายก็ดี พระภิกษุสามเณรของเราก็ตาม ถ้าหากว่าท่านมีพื้นฐานของสมาธิภาวนา การเรียนการศึกษาทุกอย่างจะไม่ใช่ของยาก
กระผม/อาตมภาพเรียนระดับปริญญาโทต่อ เพราะว่าเพื่อนฝูงลากไปอีกเช่นกัน ใช้เวลาในการสอบวิทยานิพนธ์ ซึ่งสมัยนั้นยังไม่มีการอนุญาตให้ทำสารนิพนธ์ ใช้เวลาสอบวิทยานิพนธ์ปริญญาโทแค่ประมาณ ๑๕ นาทีเท่านั้น..! จนกระทั่งอาจารย์ท่านยกให้เป็นนิสิตตัวอย่าง บอกให้รุ่นน้อง ๆ มาขอแบบวิทยานิพนธ์จากกระผม/อาตมภาพไปดูเป็นตัวอย่าง
พอรุ่นน้องมากันหน้าสลอน กระผม/อาตมภาพก็บอกว่า "ไม่ได้หวงวิทยานิพนธ์ พร้อมที่จะให้เดี๋ยวนี้ แต่ขอเตือนทุกท่านว่า ถึงได้แบบไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะว่าก่อนที่จะมาถึงจุดนี้ ผมไปหาครูบาอาจารย์ โดนท่านแก้ยับแก้เยินมา ๑๘ ครั้งแล้ว..! พวกท่านได้ไปหาครูบาอาจารย์กันบ้างหรือยัง ?"
ส่วนในระดับปริญญาเอกนั้น ไหน ๆ ก็โดนเพื่อนลากจนเรียนปริญญาโทแล้ว ก็เลยตั้งใจเรียนเอง ปรากฏว่าทางด้านมหาวิทยาลัยทำหนังสืออนุญาตให้พวกเราทำสารนิพนธ์แทนวิทยานิพนธ์ได้ แต่เพื่อนทั้งรุ่น ๒๒ รูปปรึกษากันแล้วว่า ถ้าเราทำสารนิพนธ์ ยังต้องเรียนวิชาอื่นเพิ่มเติมหน่วยกิตอีก ไม่เหมือนกับเราทำวิทยานิพนธ์ เพราะว่าวิทยานิพนธ์นั้นได้ถึง ๓๖ หน่วยกิต ดังนั้น..ทุกคนจึงปฏิเสธการทำสารนิพนธ์ หันไปทำวิทยานิพนธ์กันทั้งรุ่น..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-10-2025 เมื่อ 01:21
|