ในเรื่องของการปฏิบัติธรรม ตอนที่เรียนในระดับประถมปลายและมัธยมต้น กระผม/อาตมภาพก็ได้ครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นนักปฏิบัติธรรมชั้นยอด ท่านเก่งถึงขนาดบอกได้ว่า ลูกศิษย์แต่ละคนนั้นก่อนมาเกิดในชาตินี้ เรามาจากไหน ? แล้วขณะเดียวกัน มีเป้าหมายของชีวิตในชาตินี้อย่างไร ?
แต่ว่าด้วยความที่ท่านพูดในเรื่องที่คนอื่นไม่เห็น ก็เลยทำให้เพื่อนครูบาอาจารย์ว่าท่าน "บ้า" แล้วขณะเดียวกัน บรรดาลูกศิษย์ก็ว่าท่าน "บ้า" ด้วย แต่กระผม/อาตมภาพไม่ได้เห็นว่าท่านบ้า เพราะว่าสิ่งที่ท่านพูดนั้นตรงกับสิ่งที่กระผม/อาตมภาพพบมาทุกอย่าง จึงคลุกคลีตีโมงกับท่าน แล้วท่านก็สอนการภาวนาให้ จนกระทั่งอาจารย์และลูกศิษย์ โดนเพื่อนฝูงครูและบาอาจารย์ แม้กระทั่งญาติพี่น้องที่บ้านบอกว่า "บ้าทั้งคู่..!"
แต่ด้วยความบ้านี่เองทำให้กระผม/อาตมภาพสอบได้คะแนน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เต็มเป็นประจำ ซึ่งสมัยก่อนไม่ได้เป็นเกรด หากแต่ว่าสอบแล้วตัดเป็นเปอร์เซ็นต์ ของกระผม/อาตมภาพได้ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เป็นประจำ บอกเล่าให้คนไหนฟังก็ไม่มีใครเชื่อ จนกระทั่งมาเรียนบาลี ครูบาอาจารย์ยังบ่นว่า "ทำไมเก็บลูกศิษย์ไม่ได้สักคะแนนเดียว ?" คำว่า "เก็บ" ก็คือ หาคำผิดของลูกศิษย์ไม่ได้เลย..!
จนกระทั่งมาเรียนในระดับประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ เพราะว่าโดนบังคับให้เรียน เนื่องจากว่าตอนนั้นได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบล ท่านบอกว่าความรู้แค่มัธยมปีที่ ๓ เพราะว่าไม่ได้เรียนต่อ เนื่องจากว่าฐานะทางบ้านยากจนนั้น ไม่เพียงพอที่จะบริหารงานคณะสงฆ์ พอดีทางด้านคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มีการเปิดหลักสูตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ เป็นหลักสูตรในระดับประมาณมัธยมปีที่ ๖ ซึ่งกระผม/อาตมภาพที่เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ หรือที่รุ่นเก่าเรียกว่า ม.ศ. ๓ มีสิทธิ์ที่จะเข้าเรียนได้พอที จึงโดนผู้บังคับบัญชาทางสายการปกครองคณะสงฆ์บังคับให้ไปเรียน
ด้วยความที่เรียนเก่งเกินมนุษย์มนา เพื่อนฝูงเพิ่งจะเชื่อว่าการทำคะแนนได้เต็ม ๑๐๐ ในแต่ละวิชา สำหรับกระผม/อาตมภาพนั้นเป็นเรื่องเล็ก จึงได้ดึงให้เรียนต่อไปในระดับปริญญาตรี ทั้ง ๆ ตนเองไม่ได้สมัคร แต่พอถึงเวลา ทางมหาวิทยาลัยโทรมาเรียกให้ไปจ่ายค่าเทอม ก็ยังสงสัยอยู่ พอสอบถามแล้วถึงได้รู้ว่าเพื่อนฝูงได้ช่วยสมัครให้ แถมยังต่อรองด้วยว่าให้ส่งเอกสารต่าง ๆ ทีหลัง..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-10-2025 เมื่อ 01:18
|