โรงเรียนที่กระผม/อาตมภาพเรียนอยู่ ถึงเวลาจะหยุดวันโกน - วันพระ ไม่ได้หยุดวันเสาร์ -- วันอาทิตย์เหมือนทุกวันนี้ จนกระทั่งเทอมกลางของชั้นประถมปีที่ ๒ ทางอำเภอถึงได้ประกาศให้หยุดวันเสาร์ - วันอาทิตย์ ซึ่งกระผม/อาตมภาพเองก็ไม่รู้จักว่าวันเสาร์ - วันอาทิตย์คืออะไร ? เพราะว่ารู้จักแต่วันโกน - วันพระ รู้จักแต่วันขึ้นแรม หลายท่านอาจจะสงสัยว่ากระผม/อาตมภาพอายุเท่าไร ? ถึงได้อยู่ในสมัยดึกดำบรรพ์ดังที่เล่ามา ก็ขอบอกว่าปีนี้ย่างอายุ ๖๗ ปีแล้ว ต้องบอกว่าเกินเกษียณมาหลายปี ดังนั้น..ถ้า "เล่าความหลัง" อะไรบ้างก็ต้องขออภัยด้วย..!
ด้วยความที่คิดไม่ถึงว่าการร่วมสวดมนต์กับโยมพ่ออยู่ทุกวัน จะเป็นการสร้างสมาธิให้ตัวเองได้ขนาดนั้น ก็คือสมัยก่อนการเรียนนั้น มักจะมีการแข่งขันกันอยู่ในระหว่างบ้านต่อบ้าน ก็คือถ้าลูกบ้านไหนเรียนเก่ง ก็จะเป็นหน้าเป็นตาให้พ่อแม่พี่น้องเชิดหน้าชูตาได้ โดยเฉพาะถ้าหากว่านั่งรถเมล์ไปแล้วผู้ใหญ่ถามว่า "ถึงไหนแล้วไอ้หนู ?" ถ้าเราสามารถอ่านป้ายแล้วบอกได้ว่าถึงตรงไหน ก็มักจะได้รับคำชมเชยจากผู้ใหญ่ว่า "ไอ้หนูบ้านนี้มันเก่งจริง อ่านหนังสือแตกเสียด้วย" ซึ่งเรื่องพวกนี้ก็เลยทำให้เด็ก ๆ มีการแข่งขันกัน ก็คือถึงเวลากลับจากโรงเรียนแล้ว ทำการบ้านเสร็จแล้วก็มาท่องหนังสือ
การท่องหนังสือนั้นก็คือการตะโกนอ่านนั่นเอง เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ส่วนใหญ่แล้วต่างจังหวัดก็จะมีที่ดินคนละหลาย ๆ ไร่ แต่ละบ้านก็มักจะอยู่ค่อนข้างจะห่างกัน ในเมื่ออยากจะอวดบ้านโน้นว่าลูกตัวเองเรียนหนังสือ ก็ต้องให้ลูกอ่านหนังสือเสียงดัง ๆ ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นการตะโกนใส่อีกบ้านหนึ่ง แม้กระทั่งบ้านของกระผม/อาตมภาพ บรรดาพี่ ๆ ก็ตะโกนกลับไปเช่นกัน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 00:51
|