สำหรับช่วงนี้ก็ออกพรรษาแล้ว ท่านใดที่จะสึกหาลาเพศ ก็ไปแจ้งกับทางเลขาฯ วัด หาฤกษ์ตามปฏิทินฤกษ์พรหมประสิทธิ์ ถ้าหากว่าไม่รีบร้อนจนเกินไป ดูฤกษ์เอาไว้สักหน่อยก็จะดี เนื่องเพราะว่าบรรดาฤกษ์ต่าง ๆ นั้น เหมือนอย่างกับเราข้ามถนน ถ้าหากว่าข้ามถนนตอนปลอดรถ ก็ปลอดภัยแน่นอน แต่คนเก่ง ๆ เขาสามารถข้ามถนนตอนรถมาก ๆ ก็ได้ เพียงแต่ว่าอย่าพลาด พลาดวันไหนก็บาดเจ็บล้มตาย..! ดังนั้น..ถ้าหากว่าไม่ยากลำบากจนเกินไป เราก็ดูฤกษ์ไว้สักหน่อยหนึ่ง
โดยเฉพาะระยะ ๔ - ๕ ปีนี้ ถ้าไม่ใช่มีงานประจำที่ต้องรับผิดชอบ จะต้องกลับไปจัดการต่อ ถ้าเป็นไปได้ก็อยู่ต่อไปเถอะ ออกไปก็หางานยาก หาเงินยาก เหนื่อยเสียเปล่า ๆ ฉวยโอกาสนี้สั่งสมบุญกุศลใส่ตัวของเราไว้ เพราะว่าการสร้างบุญสร้างกุศลในขณะที่เป็นพระนั้น อานิสงส์มากกว่าที่เราทำตลอดเป็นฆราวาสเป็นแสนเท่า..!
อย่างที่กระผม/อาตมภาพเคยเปรียบเทียบว่า ฆราวาสมีศีล ๕ เป็นต้นทุน เปรียบเหมือนคนมีเงิน ๕ ล้านบาท พระมีศีล ๒๒๗ ข้อเป็นต้นทุน เหมือนกับคนมีเงิน ๒๒๗ ล้านบาท ถ้าหากว่าลงทุนในเรื่องเดียวกันแล้วได้กำไร ผู้ที่ลงทุน ๒๒๗ ล้านย่อมได้กำไรมากกว่าหลายเท่า..! ฉวยโอกาสสร้างสมบุญกุศลเอาไว้ เมื่อถึงเวลา จำเป็นที่จะต้องออกไปทำมาหากิน คนมีบุญก็เหมือนกับคนมีเงิน ก็คือทำอะไรก็จะสะดวกคล่องตัวกว่าคนอื่นเขา
โดยเฉพาะท่านที่ยังไม่ได้บวช ถ้าเป็นไปได้ รีบตะกายบวชเข้ามาให้เร็วที่สุด ก่อนที่ทุกอย่างจะเร่งรัด จนกระทั่งเราหมดทางไปเอง เพราะว่าภาวะสงครามตลอดจนกระทั่งเรื่องของดินฟ้าอากาศ จะเร่งรัดเข้ามามาก จนกระทั่งหาทางออกได้ยาก ฉวยโอกาสในการเข้ามาสร้างบุญสร้างกุศลใส่ตัว ให้สมกับเป็นลูกผู้ชาย ที่มีคำพูดประมาณว่า "เกิดเป็นลูกผู้ชายชาติหนึ่ง ถ้าอยากรู้ว่าชีวิตที่ลำบากเป็นอย่างไร ถ้าไม่ไปเป็นทหารก็ให้บวชพระ"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-10-2025 เมื่อ 00:59
|