ท่านทั้งหลายไม่เคยที่จะศึกษาเลยแม้แต่น้อยว่า ในช่วงที่ผ่านมานั้น สำนักงานพระพุทธศาสนาแต่ละจังหวัด หรือแม้กระทั่งปัจจุบันนี้อีกหลายจังหวัด ที่ตั้งสำนักงานก็คือวัด..! ส่วนท่านซึ่งมีที่ตั้งสำนักงานต่างหาก พวกบรรดาข้าวของเครื่องใช้ ครุภัณฑ์ ลหุภัณฑ์ แม้กระทั่งพระพุทธรูปประจำสำนักงานก็ยังขอไปจากวัด..! งบประมาณสนับสนุนต่าง ๆ ส่วนใหญ่ก็ขอจากวัด..! แล้วท่านจะให้เจ้าหน้าที่ของท่าน ไปเข้มงวดกวดขันกับบุคคลที่ช่วยเหลือท่านทุกอย่างแบบไหนกัน ?
เรื่องพวกนี้ทำให้กระผม/อาตมภาพนึกถึงพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งเมื่อวานนี้ก็เพิ่งจะเป็น "วันนวมินทรมหาราช" ซึ่งเป็นการรำลึกถึงพระองค์ท่านเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบรมราโชวาทตอนหนึ่งของพระองค์ท่านก็คือ "เราต้องเข้าใจ เข้าถึง จึงจะพัฒนาได้"
แต่บรรดาเสนาบดีของเราก็ดี ผู้ที่เป็นใหญ่ในหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาก็ตาม ไม่ได้มีความเข้าใจแบบธรรมเนียมในพระพุทธศาสนาเลย แถมยังไม่เข้าใจเสียด้วยว่า งบประมาณน้อยนิดที่ท่านจัดสรรไปให้ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดไม่เคยพอที่จะใช้งาน ยังต้องไปขอจากพระอยู่เลย..!
แล้วท่านก็จะให้เขาไปเข้มงวดกวดขันกับพระ ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งก็ "กลืนไม่เข้า คายไม่ออก" เพราะว่านี่ก็ผู้บังคับบัญชา นั่นก็ผู้มีพระคุณ พูดง่าย ๆ ว่าทุกวันนี้ที่อยู่ได้ ก็เกิดจากการที่พระภิกษุสามเณรให้การสนับสนุนช่วยเหลือ แต่ท่านทั้งหลายไม่เข้าใจถึงตรงนี้ มีแต่ต้องการจะให้ลูกน้องไปเข้มงวดกวดขันในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง เป็นการแก้ไขปัญหาในทางที่ไม่ถูกต้อง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 00:11
|