วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ถ้าหากว่าเป็นวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ ก็จะเป็น "วันมหาวิปโยค" ที่ประชาชนชาวไทยนำโดยนิสิตนักศึกษา ได้ร่วมกันเดินขบวนขับไล่เผด็จการปกครองประเทศไทยในช่วงนั้นออกไป ทำให้ได้ประชาธิปไตยคืนมาไม่ถึงครึ่งใบ ซ้ำยังมีผู้คนล้มตายไปเป็นจำนวนมาก แล้วหลังจากนั้นอีกไม่ถึง ๓ ปีเต็ม ก็มีเหตุการณ์วันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เรื่องพวกนี้เป็นบทเรียนทางการเมืองสำหรับผู้ที่ลืมตัวลืมตน ลืมไปว่าพลังประชาชนหนุนเสริมคุณได้ ก็สามารถที่จะดึงคุณลงจากบัลลังก์ได้เช่นกัน..!
แต่วันนี้ไม่คิดที่จะพูดถึงเรื่องนี้ เรื่องที่คิดจะพูดก็คือว่า "คำสัญญา ๔ เดือนไม่มีจริงในโลก..!" โดยเฉพาะประเทศไทยของเราไม่มีเวลาให้ใครมาทดลองงาน ไม่มีเวลาให้ใครมาบิดเบือนกฎหมายบ้านเมือง ขนาดเรื่องที่ศาลมีคำพิพากษาเด็ดขาดไปแล้ว ก็ยังพยายามที่จะเตะถ่วงและบิดเบือน โดยอาศัยอำนาจทางการเมืองที่พยายามไขว่คว้ามา โดยไม่คิดว่าจะสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติเท่าไร..!
เอาแค่เรื่องนำเอามุสลิมมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมก็ฉิบหายแล้ว..! เพียงวันแรกที่เข้าไป บรรดาข้าราชการต่าง ๆ ก็ต้องมา "ดุอา" ขอพรพระเจ้า แล้วก็ไม่ต้องไปหวังว่าเขาจะเมตตาต่อคนพุทธ..!
เนื่องเพราะว่าหน่วยงานไหนก็ตามที่มุสลิมเข้าไปเป็นใหญ่ อันดับแรกเลยก็คือย้ายโต๊ะหมู่บูชาและพระพุทธรูปออกพ้นหน่วยงานทันที เขาไม่เคยเกรงใจชาวพุทธซึ่งเป็นประชาชนส่วนใหญ่ แต่ก็เป็นเรื่องแปลกที่ว่า ชาวพุทธของเรามักจะไปเกรงใจประชาชนส่วนน้อยเสมอมา เมื่อเขาสามารถจับจุดตรงนี้ได้จึงรุกเข้ามาทุกฝีก้าว แล้วท้ายที่สุด "ม้าอารี" อย่างชาวพุทธก็จะไม่มีคอกให้อยู่..!
เรื่องพวกนี้อย่าคิดว่าเขารับปากว่าจะอยู่แค่ ๔ เดือน ซึ่งไม่มีความเป็นจริงในคำว่า ๔ เดือนนั้น และต่อให้อยู่แค่ ๔ เดือน เวลาที่มีอำนาจของเขาก็เหลือเฟือเกินพอ ที่จะสร้างประโยชน์ให้กับพรรคพวกของเขา ในขณะที่สร้างความเสียหายให้กับเราได้มากกว่าที่เราจะคิดถึง..!
แค่นั้นยังไม่พอ ท่านรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ยังพูดเหมือนกับบุคคลที่ไม่รู้งาน ไม่เข้าใจแบบธรรมเนียมของพระพุทธศาสนา ถึงขนาดที่มีข้อกำหนดต่าง ๆ อย่างเช่นว่า จะแบ่งผู้เข้าบวชเป็นสองประเภท ก็คือประเภทแรกบวชตามประเพณี ประเภทที่สองคือบุคคลที่บวชแล้วอยู่ยาวไปเลย ซึ่งจะต้องมีการปฏิบัติการที่แตกต่างกัน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 00:05
|