การที่เรารับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ระลึกถึงอยู่เป็นปกติ ก็คือพุทธานุสติ การระลึกถึงพระพุทธเจ้าในรูปแบบหนึ่ง นึกถึงครูบาอาจารย์ที่เป็นพระสงฆ์ก็เป็นสังฆานุสติ ถ้าหากว่ามีการภาวนา อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฎิปันโนฯ อยู่ด้วย ก็จะได้บุญของภาวนามัยในลักษณะการปฏิบัติกรรมฐาน ถ้าทำควบลมหายใจเข้าออกก็เป็นอานาปานสติ อานะ กับ อาปานะ คือลมหายใจเข้าและลมหายใจออก พอเอามาสนธิเข้าหากันก็เลยกลายเป็นอานาปานะ ฟังแล้วเกือบบ้า ไม่รู้บาลีก็ฟังเลย ๆ หูไปแล้วกัน
ดังนั้น..เท่ากับว่าเป็นการที่โบราณาจารย์ท่านใช้วิชาการที่เหมือนกับไสยศาสตร์ มาทำให้เราประพฤติปฏิบัติในกองกรรมฐานที่พระพุทธเจ้าท่านสอนทางอ้อม ก็คือให้ไปภาวนาตรง ๆ ก็ไม่เอา จึงต้องหาวิชาการที่บังคับให้เราภาวนาทุกวัน เพื่อความปลอดภัยของตนเอง
ส่วนใหญ่แล้วคนสมัยนี้รู้มาก แต่ว่ารู้ไม่จริง จึงมีการบอกกล่าวอย่างเช่นว่า เป็นพิธีกรรมรวมคนโง่ โบราณเขาถึงได้บอกว่า "สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล" มีโคลงโลกนิติกล่าวไว้ชัดเจนว่า
ก้านบัวบอกลึกตื้น ชลธาร ก็คือสายบัวมันจะขึ้นยาวเท่าระดับน้ำ ดังนั้น สายบัวจะบอกได้ว่าน้ำตรงนั้นลึกตื้นแค่ไหน
มารยาทส่อสันดาน ชาติเชื้อ ความมีมารยาท หรือไม่มีมารยาท รู้กาลเทศะหรือไม่รู้กาลเทศะ บ่งบอกให้รู้ว่าเราได้รับการอบรมมาหรือเปล่า ?
โฉดฉลาดเพราะคำขาน ควรทราบ โง่หรือฉลาด พูดออกไปคนเขาก็รู้ทันที ดังนั้น..บุคคลที่ไม่รู้ในสิ่งที่คนโบราณแฝงเอาไว้ให้เราทำความดี แล้วไปตำหนิว่าเป็นแหล่งรวมคนโง่ จึงบอกอย่างชัดเจนว่าไอ้คนพูดมันโง่กว่าหลายเท่า..!
หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรื้อ บอกร้ายแสลงดิน ถ้าตรงไหนหญ้าไม่ขึ้นแปลว่าดินไม่ดี
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 02:45
|