ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า เมื่อวานนี้, 01:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,258
ได้ให้อนุโมทนา: 160,505
ได้รับอนุโมทนา 4,511,282 ครั้ง ใน 36,874 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ช่วงนี้จะเห็นว่าบางขณะจะมีลมหนาวโชยมา ซึ่งจะรู้ว่าลมหนาวหรือไม่ใช่ลมหนาว ทางบ้านเราก็จะดูว่ามาจากทิศเหนือหรือเปล่า ? บางทีชาวบ้านเขาเรียกว่า "ลมข้าวเบา" ก็คือพอเริ่มโชยมา บรรดาข้าวเบาก็จะสุก ไม่รู้จักข้าวเบาอีก ?

ก็คือถ้าเป็นพันธุ์ข้าวหนัก บางคนก็เรียก "ข้าวปี" ปลูกครบรอบปีก็เก็บเกี่ยวได้ แต่ถ้าหากว่าเป็นข้าวเบา บางทีก็ปลูกแค่ ๓ เดือน ๔ เดือน เก็บเกี่ยวได้แล้ว มารุ่นหลัง ๆ พวกทางด้านนักวิชาการเกษตร เขาทำวิจัยพันธุ์ข้าวใหม่ ๆ ขึ้นมา จนกระทั่งพันธุ์ข้าวเก่า ๆ หายหมดแล้ว

ดังนั้น..ถ้าหากว่าใครที่ยังรักษาพันธุ์ข้าวเก่า ๆ เอาไว้ได้ ก็อาจจะเป็นเพราะความเคยชินว่ากินข้าวชนิดนั้นแล้วตนเองรู้สึกอิ่ม คล้าย ๆ กับพี่น้องชาวอีสาน ถ้าหากว่าขาดข้าวเหนียว กินอะไรก็ไม่อร่อย เหล่านั้นเป็นต้น

สมัยวัยรุ่นกระผม/อาตมภาพไปภาคเหนือ ถ้าเข้าร้านอาหารแม่ค้าจะถามว่า "เอาข้าวสวยหรือเอาข้าวนึ่ง ?" ถ้าเอาข้าวสวยก็รอนานหน่อย เพราะว่าเขาต้องหุงให้ตอนนั้นเลย แต่ถ้าเอาข้าวนึ่ง ก็คือข้าวเหนียวนึ่ง ก็จะมีอยู่เลย เพราะว่าพี่น้องชาวเหนือก็กินข้าวเหนียวเป็นปกติ คราวนี้ข้าวเหนียวกับข้าวเจ้าความต่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือการให้พลังงาน กินข้าวเหนียวให้พลังงานสูงกว่า ทำงานได้หนักกว่า บ้านเราถึงได้เรียกว่า "ข้าวเจ้า ข้าวไพร่"

"ข้าวเจ้า" ก็คือที่เรากินกันอยู่เป็นปกติ ส่วนใหญ่ก็อยู่ในภาคกลาง ก็คือบรรดาเจ้านายหรือว่าในรั้วในวังกินกัน แต่ถ้า "ข้าวไพร่" ก็คือข้าวเหนียว ให้บรรดาพวกเลข ก็คือบ่าวไพร่ผู้ที่ใช้แรงงาน ส่วนใหญ่โดนเกณฑ์มา แล้วก็จะสักตัวเลขตัวหนังสือไว้ที่ข้อมือ จะได้รู้ว่าสังกัดกรมไหน กองไหน ให้กินข้าวเหนียวเพื่อที่จะได้อิ่มท้องได้นาน และใช้แรงงานได้ดี

แต่ไป ๆ มา ๆ ด้วยความที่ว่าความเจริญส่วนใหญ่ก็มาจากในรั้วในวัง แล้วก็ลามออกไปบรรดาลูกท่านหลานเธอที่เป็นข้าราชการ จากนั้นบรรดาบ่าวไพร่ก็เลียนแบบตาม การกินข้าวเจ้าก็เลยกระจายเป็นวงกว้าง แม้ว่าปัจจุบันนี้ยังมีข้าวนึ่ง หรือว่าข้าวเหนียวอยู่ในภาคเหนือภาคอีสานเป็นปกติ แต่สามารถที่จะเรียกหาข้าวเจ้าที่ไหนก็ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 02:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 21 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา