โดยเฉพาะต้องมีเวรยาม เนื่องเพราะว่าบุคคลที่ตั้งใจทำความเลวก็มีปัญญา เขามักจะรอจังหวะ อย่างเช่นช่วงที่พระเจริญกรรมฐานหรือทำวัตร จะมารวมกันในศาลาที่เดียว เขาก็ไปงัดแงะกุฏิกัน หรือว่าพระออกบิณฑบาต เขาก็ฉวยโอกาสนั้นไปงัดกุฏิ จึงต้องจัดเวรยามไว้คอยต้อนรับ
โดยที่อาตมภาพกำหนดกติกาไว้ว่า "อย่าให้ถึงตาย ถ้าโดนคดีความอะไรจะช่วยไปประกันและสู้ความให้" พูดง่าย ๆ ก็คือ "เอาให้พิการก็พอ" เพราะว่าถ้าพระเราทำให้คนตายโดยเจตนา จะต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นพระไปเลย..!
สมัยอยู่ที่วัดท่าซุง อาตมภาพต้องออกไปตบตีกับพวกหาปลาหน้าวัด บางวันทนรำคาญมันไม่ไหว ก็ยืมปืนทหารมาสาดไปเป็นห่าฝนเลย เล่นเอาเพื่อนพระร้องกันลั่น กลัวว่าจะโดนมันตาย..! กระผม/อาตมภาพกับท่านเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัย (พระราชภาวนาพัชรญาณ วิ.) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) ก็นั่งหัวเราะกันชักดิ้นชักงอ เนื่องเพราะว่าไอ้สองพี่น้องฝึก "วิชากระสุนคด" กันมา สั่งให้ลงตรงไหนก็ลงตรงนั้น..!
เจ้าคุณหลวงตาบอกว่า "เฮ้ย..ถ้าเป็นกูนะ จะอธิษฐานให้ไปตรงหน้าผากมัน ก่อนจะกระทบหน้าผากแล้วค่อยแฉลบออกด้านข้าง..!" ว่าอย่างนั้น ก็เลยบอกว่า "นิมนต์พี่ทำไปรูปเดียวเถอะ ถ้าวันไหนสมาธิไม่ดี พลาดขึ้นมาก็ปาราชิกกันพอดี..!" หนอยแน่ะ..กำหนดตรงไหนไม่กำหนด ไปกำหนดให้วิ่งถึงหน้าผากแล้วค่อยเลี้ยวหลบ..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-10-2025 เมื่อ 01:25
|