ชาวบ้านแถวนี้เขา "รู้แกว" กันแล้ว หลังจากที่อยู่กันมาหลายสิบปี เขาเริ่มพูดกันแล้วว่า "งานวัดท่าขนุนเสร็จเมื่อไร หนีกลับบ้านให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นเปียกแน่..!" ปีนี้ต่อให้คนทองผาภูมิก็ไม่เชื่อว่าฝนจะหยุด เพราะว่าตกมาไม่หยุดเลย อาตมภาพออกบิณฑบาตก็ได้ซักผ้าทุกวัน ไม่ซักก็ไม่ได้ เพราะว่าเปียกโชกไปแล้ว..!
ญาติโยมเขารู้ว่าพระวัดท่าขนุนทนแดดทนฝน แดดร้อนก็ไม่ละลาย ฝนตกก็ไม่ละลาย ออกบิณฑบาตตามปกติทุกวัน แม้แต่วันนี้ญาติโยมก็เห็น งานใหญ่ขนาดนี้เราก็แบ่งพระไปบิณฑบาตที่ตลาดริมแควตามปกติ
อะไรซึ่งเป็นกิจวัตรที่ญาติโยมเขาเคยชินแล้ว ถ้าไม่ใช่เหตุจำเป็นถึงแก่ชีวิต..อย่าได้ขาด เพราะว่านอกจากเขาจะเห็นพระสงฆ์เป็นสังฆานุสติแล้ว ยังมีโอกาสสร้างทานบารมีด้วยการใส่บาตรพระ ซึ่งสายตลาดนี้ พระวัดท่าขนุนก็จะไปประมาณ ๒๐ รูป ก็คือราว ๆ ครึ่งวัด เหตุที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะว่าบิณฑบาตหลายสาย มีทั้งสายวังท่าขนุน ที่เขาเรียกว่าบ้านบน สายวังใหญ่ แล้วก็สายบ้านเสาหงษ์ที่เขาเรียกกันว่าสายปอมเป ต้องแบ่งสรรปันส่วนให้พระไปสายโน้นบ้าง สายนี้บ้าง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-10-2025 เมื่อ 01:22
|