บุพกรณ์ข้อต่อไปคือ ๕. "รู้ปลิโพธะ" หรือเรียกง่าย ๆ ว่าปลิโพธ ซึ่งมี ๒ อย่างในครุธรรม การรู้ปลิโพธะก็คือจิตยังห่วงจีวรอยู่หรือเปล่า ? เพราะว่าไปแล้วเอาไปไม่ครบไตรได้ ในเมื่อไม่ครบไตร จีวรชิ้นใดชิ้นหนึ่งยังอยู่ที่วัด ถ้าใจเราห่วงถึงกฐินก็ยังไม่เดาะ หรือ อาวาสปลิโพธะ ยังกังวลอยู่กับวัด ยังห่วงสถานที่อยู่ ไปแล้วต้องกลับ เรามีสิทธิ์ลาได้ ๗ วันบ้าง ๑๕ วันบ้าง ถึงเวลาเราจะกลับ จิตยังผูกอยู่อย่างนี้ ข้อใดข้อหนึ่งถือว่ากฐินไม่เดาะ ถ้าหากว่าหมดเรียบทั้ง ๒ ข้อกฐินถึงจะเดาะ จึงต้องรู้ปลิโพธด้วย
บุพกรณ์ข้อต่อไปก็เกี่ยวข้องกับ ๖. "รู้ว่ากฐินเดาะอย่างไรบ้าง" ก็อยู่ ๑ ใน ๘ ข้อของมาติกา
ข้อต่อไปของครุธรรม ๘ สำหรับผู้ครองกฐินก็คือ ๗. "ต้องรู้อานิสงส์กฐิน" ไม่ว่าจะเที่ยวไปไม่ต้องบอกลา ไปไหนเอาจีวรไปไม่ครบสำรับก็ได้ ฉันคณโภชนาปรัมปรโภชนาได้ จีวรที่เกิดขึ้นในที่นั้นเป็นของเธอ ไม่ต้องทำวิกัปเป็นสองเจ้าของร่วมกันคนอื่น เหล่านี้เป็นต้น
ข้อสุดท้ายของครุธรรม ๘ ประการก็คือ ๘. "ต้องเป็นผู้ที่มีจีวรเก่าจริง ๆ" ก็คือเก่าจนพระทั้งวัดเห็นว่าเอ็งสมควรเปลี่ยนได้แล้ว ถึงได้ลงคะแนนว่าให้ท่านนี้เป็นผู้ครองจีวร แต่วัดของเรามติคณะสงฆ์ก็คือ ครองผ้ากฐินไล่กันไปตามลำดับพรรษา ก็แปลว่าทันทีที่ครองผ้ากฐินไปเรียบร้อย จีวรเก่าที่ถอนออกมาเป็นอดิเรกจีวร พ้นกลางเดือน ๔ ไปแล้ว จีวรเก่าชุดนั้นต้องไปทำวิกัป ไม่อย่างนั้นโดนอาบัตินิสสัคคีย์ปาจิตตีย์ ชัดเจนหรือยังครับ ?
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-10-2025 เมื่อ 01:55
|