มาติกาข้อต่อไปก็คือ"สิ้นหวังที่จะได้ผ้าตามเวลาที่กำหนดไว้" ก็คือ ๒๙ วันนี้หาผ้ามาทำจีวรไม่ทันแน่ ในเมื่อไม่สามารถที่จะหาผ้ามาได้ ไม่สามารถที่จะซ่อมแซมผ้าให้คืนดีตามเดิมได้ ก็เท่ากับว่าผ้านั้นเสียหายไป ไม่สามารถที่จะครองเป็นผ้ากฐิน ก็ถือว่าเดาะไปโดยปริยาย..+
มาติกาข้อต่อไปก็คือ "เพราะว่าพ้นเขตเวลาไปแล้ว" ก็คือเกินขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ พอย่างเข้าแรม ๑ ค่ำ เดือน ๔ ก็เป็นอันว่าจบ กฐินเดาะไปโดยปริยาย
ข้อสุดท้ายของมาติกา ลืมไปแล้วใช่ไหมว่ากระผม/อาตมภาพพูดเรื่องอะไร ? ต้องทุบให้ดิ้น..! ก็คือ "ทั้งหมดพร้อมใจกันเดาะกฐินไปเลย" เมื่ออนุโมทนาเสร็จสรรพ ทุกคนพร้อมใจกันประกาศว่าไม่มีใครใช้อานิสงส์กฐิน
กระผม/อาตมภาพเองเป็นคนที่เดาะกฐินเฉพาะตัวมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เนื่องเพราะว่า "เที่ยวไปโดยไม่ต้องบอกลา" ก็ถือว่าเสียมารยาท "ฉันคณโภชนาหรือปรัมปรโภชนา" ก็อยู่ในลักษณะของคนมักมาก "ไปไหนเอาจีวรไปไม่ครบสำรับได้" ถึงเอาไปครบก็ไม่ได้หนักเกินไป "ผ้าที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นของเธอ" ปกติก็โยนเข้ากองกลาง ไม่เอาไว้อยู่แล้ว ในเมื่ออยู่ในลักษณะอย่างนี้ ถึงได้อานิสงส์มาก็ไม่ได้ใช้งาน
ดังนั้น..ในมาติกาคือหัวข้อที่กำหนด หรือแม่บทของการเกี่ยวข้องกับกฐิน ก็คือ ข้อกำหนดที่ว่ากฐินนั้นจะเดาะหรือไม่เดาะด้วยเหตุประการใดบ้าง คนครองกฐินต้องรู้ ถ้าไม่รู้ครุธรรมเหล่านี้ก็ถือว่าครองกฐินไม่ได้ เพราะฉะนั้น..รีบกลับไปอ่านใหม่ เรียนมานาน..ลืมไปหมดแล้ว..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-10-2025 เมื่อ 01:47
|