ดูแบบคำตอบเดียว
  #6  
เก่า 03-10-2025, 23:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,265
ได้ให้อนุโมทนา: 160,501
ได้รับอนุโมทนา 4,511,504 ครั้ง ใน 36,881 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ว่าเรื่องพวกนั้นเป็นแค่วาทะในการข่มกันของบรรดาบุคคลสมัยก่อน เนื่องเพราะว่าถ้าหากเป็นบุคคลที่มีภาระงานอยู่ตามบุญสัมพันธ์ กรรมสัมพันธ์ เมื่อบรรลุมรรคผลแล้ว ไม่มีใครอยู่ได้คนเดียว มักจะได้รับคำสั่งจากพระ หรือครูบาอาจารย์ให้ทำโน่นทำนี่เพื่อส่วนรวมอยู่เสมอ ไม่ได้แปลว่าบรรลุแล้วจะไปได้เลย ยกเว้นบางท่านที่มาแบบไร้บุญไร้กรรมสัมพันธ์กันจริง ๆ ถ้าอย่างนั้น บรรลุมรรคผลแล้ว ท่านมีสิทธิ์ที่จะเข้าพระนิพพานไปเลย

อย่างที่มีพระอยู่รูปหนึ่งจากจังหวัดราชบุรี ท่านยังอายุไม่มาก แค่ ๓๗ ปี ก็คือบวชมาได้แค่ ๑๗ พรรษา ใช้คำว่าแค่ ๑๗ พรรษา พวกท่านพรรษาเดียวก็จะตายแล้ว แต่ว่าเมื่อท่านเข้าถึงมรรคผลนิพพานแล้ว พิจารณาตั้งแต่ต้นยันปลาย ไม่มีภาระในเรื่องของบุญสัมพันธ์กรรมสัมพันธ์กับใคร ท่านจึงไปลาหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง เพื่อขอเข้าพระนิพพานเลย ก็คือไม่อยากแบกร่างกายที่เป็นทุกข์นี้ไปอีกหลายปี แล้วทำไมต้องไปลาหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ? ขอปล่อยไว้เป็นการบ้านให้ท่านทั้งหลายคิดกันต่อไป

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-10-2025 เมื่อ 01:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา