จะว่าไปแล้ว กระผม/อาตมภาพต้องนึกกราบเท้าขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงทุกครั้ง เนื่องเพราะว่าถ้าไม่ได้หลวงพ่อท่านช่วยเคี่ยวเข็ญให้ กระผม/อาตมภาพก็คงทำไม่ได้อย่างทุกวันนี้
เนื่องเพราะว่าท่านบังคับให้เข้าสมาธิตามปกติ เมื่อคล่องตัวแล้วก็เข้าสมาธิตั้งเวลา มีการเข้าฌานสลับกัน ถ้าหากว่าท่านไม่ได้บังคับและกระผม/อาตมภาพไม่เอา ก็คงจะอยู่สภาวะเดียวกับพวกท่าน ก็คือสมาธิทรงตัวบ้าง ไม่ทรงตัวบ้าง
แต่ถ้าหากว่าเราซักซ้อมในการกำหนดเวลาเข้าสมาธิบ่อย ๆ แล้วค่อย ๆ เพิ่มระยะเวลาขึ้นไป เราก็จะสามารถทรงสมาธิได้เป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี เพียงแต่ว่าถ้าเผลอเมื่อไรก็หลุด แล้วถ้ากลับเข้าไปไม่ทัน ก็จะโดนกิเลสรุมตีตายอยู่ตรงนั้นเอง..! หรือว่าการเข้าสมาธิแล้วแยกจิตทำงานหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน
ในยุคที่อยู่วัดท่าซุง พอดีว่าเพื่อนฝูงจำนวนหนึ่งก็ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติเช่นเดียวกัน จึงมีพยานเป็นจำนวนมาก ท่านทั้งหลายเหล่านั้นก็จะเห็นว่า กระผม/อาตมภาพภาวนาไปด้วย นับลูกประคำไปด้วย อ่านหนังสือไปด้วย บางทีก็ทำงานทำการต่าง ๆ ไปด้วย ซึ่งจะว่าไปแล้วเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะว่าจัดอยู่ในอิริยาบถและสัมปชัญญะในมหาสติปัฏฐานสูตร ก็คือเราจะเคลื่อนไหวในอิริยาบถใหญ่หรืออิริยาบถย่อย ก็ต้องกำหนดรู้ตามไปด้วย แต่ว่าพวกเราก็มักจะถนัดแค่นั่งสมาธินิ่ง ๆ พอขยับไปทำอย่างอื่น สมาธิก็หลุดหมด เพราะว่าขาดการฝึกฝน
แม้กระทั่งช่วงทำวัตรเช้าที่ออกจากกรรมฐานแล้วต่อด้วยการทำวัตรเลย พวกเราส่วนใหญ่ก็สมาธิหลุดเกลี้ยงตอนทำวัตรนั่นเอง ถ้าหากว่ารู้จักประคับประคองรักษากำลังสมาธิเอาไว้ และทำวัตรไปด้วย ซักซ้อมบ่อย ๆ กำลังของพวกเราจะมั่นคงขึ้นไปเรื่อย เพราะว่าเป็นการทรงสมาธิขณะที่ทำงานอื่นไปด้วย จะทำให้กำลังสมาธิของเรามั่นคงหนักแน่น ไม่หลุดไปไหนง่าย ๆ ไม่ใช่แค่ขยับตัวลุกจากที่นั่งก็หลุดหมดแล้ว
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-10-2025 เมื่อ 01:20
|