ทานพิธี เกี่ยวกับการถวายทานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทานเฉพาะตน หรือว่าสังฆทาน
บุญพิธี เกี่ยวกับการทำบุญต่าง ๆ ทั้งบุญในงานมงคลและอวมงคล
และหมวดเบ็ดเตล็ด อย่างเช่นการปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะ เป็นต้น
วิชาสุดท้ายก็คือพระวินัยบัญญัติ ปัจจุบันนี้เรียกสั้น ๆ ว่าวิชาวินัย คือศึกษาเกี่ยวกับศีลพระ ซึ่งวัดท่าขนุนนั้น กระผม/อาตมภาพกำหนดให้เป็นวิชาแรกที่เราต้องเรียนกัน เพื่อที่พระภิกษุสามเณรจะได้รู้ว่า ศีลของตนเองนั้นมีอะไรบ้าง ? จะได้ประพฤติปฏิบัติได้ถูกต้อง
ถ้าเป็นนักธรรมชั้นโท ก็จะเรียนศีลนอกพระปาฏิโมกข์ ที่เรียกว่าอภิสมาจาร
ถ้าเป็นนักธรรมชั้นเอก ก็จะเรียนเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งเจ้าอาวาสหรือพระอุปัชฌาย์อาจารย์ต้องศึกษา อย่างเช่นเกี่ยวกับสีมาต่าง ๆ ในการบวช เป็นต้น
สรุปง่าย ๆ ว่า หลักสูตรนักธรรมชั้นตรีสำหรับบุคคลผู้ใหม่ ก็คือบวชตั้งแต่ ๑ ถึง ๕ พรรษา หลักสูตรนักธรรมชั้นโท สำหรับผู้ที่จะเป็นอาจารย์พี่เลี้ยงหรือคู่สวด ตั้งแต่ ๕ ถึง ๑๐ พรรษา หลักสูตรนักธรรมชั้นเอก สำหรับเจ้าอาวาส หรือพระอุปัชฌาย์อาจารย์
เราจะเห็นว่าทางด้านคณะสงฆ์ได้วางหลักการศึกษาเอาไว้เป็นลำดับ ๆ อยู่แล้ว เพียงแต่พวกท่านเรียนแล้วก็มักจะไม่ได้พิจารณา สักแต่ว่ารู้ไปเฉย ๆ ไม่สามารถอธิบายได้ว่าแต่ละขั้นตอนเรียนไปเพื่ออะไร ? แล้วยิ่งปัจจุบันก็เรียนน้อยลงไปเรื่อย ๆ แม้แต่ธรรมศึกษาของฆราวาสที่จะสอบ ก่อนหน้านี้ก็สอบรวดเดียวจบ สมัยนี้มีการแบ่งออกเป็นชั้น ๆ อย่างเช่นว่าธรรมศึกษาตรีชั้นประถม ธรรมศึกษาตรีชั้นมัธยม ธรรมศึกษาตรีชั้นอุดม ซึ่งทั้ง ๓ ชั้นสมัยก่อนสอบรวดเดียว สมัยนี้ลดลงมาแบ่งเป็น ๓ ช่วงชั้น แทนที่จะสอบปีเดียวจบเหมือนก่อนหน้านี้ ก็กลายเป็นต้องสอบถึง ๓ ปี
ดังนั้น..เราจะเห็นว่า แม้เทคโนโลยีจะดีเลิศขนาดไหนก็ตาม แต่ปัญญาในการจดจำของคนนั้นสั้นลงไปทุกปี เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าปฏิบัติสมาธิน้อยลง เมื่อจิตไม่สงบ ไม่ตั้งมั่น การศึกษาจดจำต่าง ๆ จึงไม่ชัดเจน หลงลืมได้ง่าย จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลาย พอทราบสาเหตุแล้วว่าบกพร่องตรงไหน ? ก็ต้องเน้นแก้ตรงนั้นให้มากขึ้น
ไม่ใช่รักษาศีลอย่างเดียว แต่ท่านทั้งหลายต้องเน้นสมาธิภาวนา อย่างน้อย ๆ จะได้สัมผัสถึงว่า หลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น สร้างความอัศจรรย์และก่อประโยชน์ชัดเจนแก่เราอย่างไรบ้าง ? และท้ายที่สุด สมาธิที่ยังเป็นเครื่องช่วยเสริมปัญญา ให้มีความแหลมคม แก่กล้า เด็ดขาด สามารถตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน หลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานอีกด้วย
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๒๙ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-09-2025 เมื่อ 01:50
|