ดังนั้น..ในเรื่องของพระพุทธศาสนา จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายต้องศึกษาให้ลึกซึ้ง ถ้าสามารถรู้แจ้งแทงตลอดได้ยิ่งดี เพราะว่าองค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงประทานหลักธรรมที่เปรียบเหมือนใบไม้ ๑ กำมือมาให้กับพวกเราทั้งหลาย เป็นหลักธรรมตั้งแต่เบื้องต้นที่เรียกว่าคิหิปฏิบัติ คือแนวทางที่ฆราวาสทั่วไปต้องประพฤติปฎิบัติ ทำอย่างไรจะอยู่ในกรอบของศีลของธรรม ไม่พลาดจนกระทั่งลงสู่ทุคติภูมิ
พูดง่าย ๆ ว่าถ้าปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามแนวนั้น ก็จะเป็นคนดีในสายตาของคนทั่วไป ตนเองก็ได้รับความสุขความเจริญ ได้รับการสรรเสริญ จัดเป็นทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ ก็คือประโยชน์ที่เห็นทันตาในปัจจุบัน
ถ้าสามารถบำเพ็ญภาวนาจนกำลังใจตั้งมั่นได้ ก็จะเกิดเป็นสัมปรายิกัตถประโยชน์ ก็คือประโยชน์ที่ทำให้สุคติของเรามั่นคงในชาติต่อ ๆ ไป
ยกเว้นท่านที่เป็นอุคฆฏิตัญญูบุคคล มีปัญญามาก สามารถเข้าถึงหลักธรรมที่แท้จริงได้ ก็จะเกิดปรมัตถประโยชน์ คือประโยชน์สูงสุด ได้แก่การหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน
แม้แต่พระพุทธเจ้ายังสอนบุคคลเป็นขั้น ๆ ซึ่งท่านกล่าวกับปหาราทะอสูรว่า ธรรมะของพระองค์ท่านเหมือนกับทะเล ที่ค่อย ๆ ลุ่มลึกลงไปตามลำดับ แต่บุคคลเหล่านั้นกลับต้องการที่จะลงสู่ก้นทะเลเลยทีเดียว ซึ่งแม้แต่หลักการดำน้ำสมัยใหม่ ถ้าลงไปพรวดพราด โดยไม่มีการปรับร่างกายเป็นระยะ ก็จะตายเสียเปล่า ๆ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ
ดังนั้น..แทนที่เราท่านทั้งหลายจะไปโกรธไปเคือง ก็ควรที่จะแผ่เมตตาให้กับเขาทั้งหลายเหล่านั้น แล้วพยายามยึดถือและปฏิบัติในหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จนสามารถรู้จริงเห็นจริง กล่าวแก้ "ปรัปวาท" คือคำที่คนอื่นกล่าวตู่พระพุทธศาสนาได้ จึงจะนับได้ว่าเราท่านทั้งหลายเป็นพุทธบริษัทที่แท้จริง
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๒๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-09-2025 เมื่อ 01:44
|