ดังนั้น..ท่านที่รู้จริงจึงมีการบวงสรวงบอกกล่าวครูบาอาจารย์ หรือพรหม เทวดา เพื่อให้สิ่งที่ตนจะทำนั้นสำเร็จลุล่วงไปได้โดยง่าย แต่ว่าในแต่ละสายของครูบาอาจารย์ก็จะมีเคล็ดลับ ที่ทำอย่างไรถึงจะสำเร็จตามนั้นได้ง่าย แล้วในขณะเดียวกัน ถ้าครูบาอาจารย์เป็นพระสงฆ์ ท่านก็จะปรับมาเป็นการบูชาพระรัตนตรัย แล้วค่อยระลึกถึงพรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ต่อท้ายไปด้วย ก็คือไหน ๆ จะทำแล้วก็ให้ได้ประโยชน์สูงสุดไปเลย
คราวนี้ในส่วนของวัดท่าขนุนเรา ก็ถือว่าสืบสายวิชาการต่าง ๆ มาทางสายหลวงปู่ปาน วัดบางนมโคเช่นกัน โดยที่หลวงปู่ปาน วัดบางนมโคนั้น ท่านถ่ายทอดให้ลูกศิษย์เป็นจำนวนมาก ถ้าถามว่ามากแค่ไหน ? สมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่ แค่พระภิกษุสามเณรที่ไปอาศัยเรียนบาลีกับท่าน ก็ประมาณ ๓๐๐ รูปแล้ว..!
หรือแม้แต่สมัยหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงก็ตาม ถึงเวลาท่านจัดงานก็จะมีพระภิกษุสามเณรไปร่วมงาน ๓๐๐ - ๔๐๐ รูปเป็นประจำ ท่านเคยปรารภกับพวกกระผม/อาตมภาพว่า ..!""ท่านทั้งหลายเหล่านี้ ต่อไปภายหน้า ถ้าอ้างว่าเป็นลูกศิษย์ ข้าก็ปฏิเสธไม่ได้ แต่พวกแกต้องพิจารณาด้วยว่า ท่านทั้งหลายเหล่านี้ปฏิบัติตามปฏิปทาของข้าหรือเปล่า ? ถ้าปฏิบัติตามปฏิปทาของข้า ต่อให้ท่านไม่บอกว่าเป็นลูกศิษย์ ข้าก็ถือว่าเป็นลูกศิษย์ แต่ถ้าออกปากว่าเป็นลูกศิษย์ แล้วออกนอกทุ่งนอกท่าไปไกล ต่อให้พูดจนปากฉีกถึงหู ข้าก็ไม่ถือว่าเป็นลูกศิษย์ ดังนั้น..เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ พวกเราต้องรู้จักพินิจพิจารณา ไม่ใช่ใครเขาบอกก็เชื่อเขาไปหมด ถ้าลักษณะแบบนั้น เดี๋ยวก็โดนหลอกจนหมดเนื้อหมดตัวอีก..!
โดยเฉพาะในเรื่องของการเป่ายันต์เกราะเพชร กระผม/อาตมภาพเจอบุคคลที่อ้างว่าเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ปาน ท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมว่าหลวงปู่ปานมรณภาพปี ๒๔๘๑ นับมาถึงปัจจุบันนี้ เป็นเวลาประมาณ ๘๐ กว่าปี จะ ๙๐ ปีแล้ว บุคคลผู้นั้นดูอย่างไรก็อายุไม่ถึง แต่อ้างว่าศึกษามาจากหลวงปู่ปานโดยตรง ใครไปถึง จัดขันบูชาครู มีเงิน ๒๙๙ บาท ก็เป่ายันต์เกราะเพชรให้ได้ทันที..! ทั้ง ๆ ที่ตามสายครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า ให้เป่ายันต์ได้เฉพาะวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำเท่านั้น และถ้าพระหรือครูบาอาจารย์ไม่ได้สั่งก็ทำไม่ได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-09-2025 เมื่อ 01:38
|