เสียดายที่ว่ารุ่นพี่ท่านหนึ่ง ก็คือหลวงพี่ประทีป (พระใบฎีกาประทีป อตฺถทสฺสี) ซึ่งท่านคอยดูแลหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง อยู่ตลอดมา เป็นพยานหลักฐานเรื่องแบบนี้ได้ดีที่สุด แต่ว่าท่านได้ป่วยมรณภาพไปแล้ว..!
มีวันหนึ่งกระผม/อาตมภาพไปงานวัดท่าซุง เห็นหลวงพี่ประทีปหัวบวมเป็นรอยยาวเลย ถามว่า "พี่ไปโดนอะไรมาวะ ?"" ท่านบอกว่า "ป๋านะสิ.. เมื่อเช้านี้กูนึกว่าจะสึก ป๋าแกมาตอนไหนไม่รู้ ? ฟาดกบาลซะดาวขึ้นว่อนเลย..!" กระผม/อาตมภาพก็เลยต้องบอกว่า "ไม่ต้องแปลกใจ ผมก็โดนแบบนี้เหมือนกัน..!"
หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อไปงานวัดท่าซุง หลวงพี่ประทีปก็บอกว่า "เล็ก..กูจะตายห่..แล้วนะ..!" ถามว่า "พี่เป็นอะไร ?" ท่านเอามือกระผม/อาตมภาพไปจับแถวต้นคอ ข้างไหปลาร้าของท่าน บอกว่า "มึงคลำดูสิ..ลูกเบ้อเร่อเลย" ก็เลยคลำดู ปรากฏว่าร้อนฉ่าเลย ท่านบอกว่า "หมอบอกว่ากูเป็นมะเร็ง..!" ก็เลยบอกท่านว่า "ยินดีด้วยพี่..ตายห่..เมื่อไรมาหากันบ้างก็แล้วกัน..!" พระพี่พระน้องเขาพูดกันแบบนี้ คนไม่รู้เรื่องอยากจะสลบแทน..!
ก็คือถ้าหากว่าเป็นพระที่ท่านวางกำลังใจได้แล้ว เรื่องของกายสังขารจะเจ็บจะป่วยอย่างไร ท่านไม่ได้สนใจ แต่คราวนี้ด้วยความที่หลวงพี่ประทีปท่านมรณภาพไปแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เลยไม่มีพยานว่า ถึงเวลาหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านอยากจะตีกบาลเมื่อไร แล้วท่านโผล่มาแบบไหน ?
แต่ว่าที่หลวงปู่แก่นท่านเล่าให้ฟังว่า ได้รับการถ่ายทอดวิชาเป่ายันต์เกราะเพชรจากหลวงปู่ปานมาเอง กระผม/อาตมภาพเชื่อสนิทใจ เนื่องเพราะว่าตอนเดินทางข้ามไปพม่าครั้งแรก เมื่อนึกถึงพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่เคยเกิดในประเทศพม่า ให้อนุเคราะห์สงเคราะห์ขอความสะดวกด้วย
ปรากฏว่าหลวงปู่ปานท่านมาเป็นรูปแรกเลย กราบเรียนถามท่านว่า "หลวงปู่เคยเกิดเป็นคนพม่าด้วยหรือครับ ?" ท่านบอกว่า "เกิดออกจะบ่อยไปลูก เพราะว่าพม่าก็เป็นดินแดนพระพุทธศาสนา ด้วยความที่ยึดมั่นในพุทธานุสติ เกิดครั้งไหนก็จะไม่หลุดจากดินแดนพระพุทธศาสนา จึงมีการเกิดในประเทศพม่าด้วย" กระผม/อาตมภาพก็ยังว่าหลวงปู่ท่านยึดมั่นมาก ถึงได้เกิดในดินแดนพระพุทธศาสนา ตัวกระผม/อาตมภาพยึดไม่แน่น หลุดไปเป็นแขกก็มี..!
เรื่องพวกนี้เล่าไปก็เหมือนเพ้ออยู่คนเดียว แต่ว่าถ้าท่านทั้งหลายภาวนาจนกระทั่งจิตสงบ แล้วมีของเก่าที่เคยทำมา ไม่ว่าจะเป็นสายวิชชา ๓ อภิญญา ๖ หรือปฏิสัมภิทาญาณ ๔ ก็ตาม สภาพจิตที่สงบได้ที่จะเหมือนกับน้ำนิ่ง สามารถสะท้อนเงาทุกอย่างลงไปได้ชัดเจนมาก เหมือนกับของจริง
แล้วที่เหนือกว่าของจริงก็คือ นิมิตทั้งหลายเหล่านี้ ไม่ว่าเราจะเจ็บป่วย หนาว ร้อน หิว กระหาย สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เหมือนกับเราพบด้วยตัวจริงทั้งหมด ก็คือชัดเจนถึงขนาดว่าลมพัดมากระทบร่างกายก็รู้สึก เป็นเรื่องที่ท่านทั้งหลายค่อย ๆ ทำดู ถ้าใจสงบแล้วมีของเก่าอยู่ เรื่องพวกนี้จะปรากฏขึ้นเอง แต่ต้องมีสติระมัดระวังเอาไว้ด้วยว่า อย่าไปยึดติดกับเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะเสียงานเสียการได้..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-09-2025 เมื่อ 01:23
|