เรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้ว ถ้าท่านทั้งหลายประพฤติวัตรปฏิบัติธรรม ไม่ต้องมาก เอาแค่ทรงปฐมฌานละเอียดได้ก็พอ กำลังของปฐมฌานละเอียดที่กด รัก โลภ โกรธ หลง ในใจของเราให้ดับสนิทลงชั่วคราว จากบุคคลที่โดนไฟใหญ่ ๔ กอง ก็คือ รัก โลภ โกรธ หลง เผาอยู่ตลอดเวลา อยู่ ๆ ไฟเหล่านั้นดับลง ย่อมมีความสุขเยือกเย็นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน..!
ถ้าเรารู้จักใช้ปัญญาคิดต่อเพียงเล็กน้อยว่า แค่โลกียฌานเบื้องต้นเท่านั้น ยังสร้างความสุข ความเยือกเย็นใจแก่เราได้ขนาดนี้ แล้วบุคคลที่ทรงฌาน ๒ ก็ดี ฌาน ๓ ก็ดี ฌาน ๔ ก็ดี จะมีความสุขขนาดไหน ? เนื่องเพราะว่าถ้าสามารถทรงเอาไว้ได้ในระยะยาวนาน ถึงขนาดมีคนหลงผิดว่าเป็นพระอรหันต์ไปแล้วก็มี แล้วผู้ที่ทรงสมาบัติ ๘ ได้จะมีความสุขขนาดไหน ?
แต่ว่าฌาน ๔ หรือสมาบัติ ๘ ก็ยังเป็นโลกียะ หาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้ สามารถที่จะพลัดลงสู่ทุคติได้ตลอดเวลา ดังนั้น..บุคคลที่ก้าวเข้าสู่ความเป็นพระอริยเจ้าเบื้องต้น คือพระโสดาบัน สามารถปิดอบายภูมิทั้ง ๔ ได้อย่างแน่นอนแล้ว ท่านจะมีความสุขขนาดไหน ? เพราะว่าไม่ต้องหวั่นเกรงว่าตนเองจะพลัดลงสู่อันตรายแบบนั้นอีก..!
แล้วจากพระโสดาบันที่ รัก โลภ โกรธ หลง ยังเหมือนกับคนปกติทั่วไป ยกเว้นว่ามีการระงับยับยั้งใจไม่ให้ละเมิดศีล มีความรู้ตัวอยู่เสมอว่าจะต้องตาย พอก้าวขึ้นสู่ความเป็นพระสกทาคามี ซึ่งสามารถที่จะระงับ รัก โลภ โกรธ หลง ส่วนใหญ่ลงได้ โดยเฉพาะราคะกับโทสะ ส่งผลได้น้อยมาก ท่านจะมีความสุขขนาดไหน ?
แล้วบุคคลที่ทรงความเป็นพระอนาคามีได้ ตัดรัก ตัดโลภ ตัดโกรธ ได้อย่างเด็ดขาด ไม่ต้องลงมาเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิเบื้องต่ำอีก รอเวลาเข้าสู่พระนิพพานอยู่ที่สุทธาวาสพรหมเลย ท่านจะมีความสุขขนาดไหน ?
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-09-2025 เมื่อ 01:45
|