เนื่องเพราะว่านิโรธสมาบัตินั้น เป็นกึ่งกลางระหว่างสมถะและวิปัสสนากรรมฐาน เป็นการพักใจตนเอง ทำให้ร่างกายได้พักไปด้วย เพราะว่าถ้าเข้าเต็มที่ คนมักจะคิดว่าตาย อย่างที่กระผม/อาตมภาพโดนแม่ชีชื่น (อุบาสิกา ศรีสองแคว) หัวหน้าแม่ชีวัดท่าขนุนกับคณะยำจนเละ..! จนกระทั่งทุกวันนี้ยังต้องอาศัยโลชั่นอยู่เลย เล่นใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำร้อนถูเสียทั้งตัว เพราะคิดว่าจะตายแล้ว ตัวเย็นเฉียบเลย..! คราวนี้ถูจนหนังถลอกปอกเปิก ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ถ้าอากาศแห้งหน่อย ก็จะเกิดอาการคันคะเยอ ต้องใช้โลชั่นช่วยมาจนทุกวันนี้..!
จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลาย ถ้าคิดจะทำ อันดับแรกเลยก็คือซักซ้อมเข้าอัปปนาสมาธิ ต่ำสุดต้องเป็นปฐมฌานละเอียดได้ แล้วก็ซ้อมให้คล่องตัวระดับจะเข้าออกได้ตามที่เราตั้งใจเอาไว้ ก็คือจะเป็น ๓ วัน ๕ วัน ๗ วันอย่างไรก็ได้ แต่ว่าอย่าให้เกิน ๑๕ วัน เพราะว่าร่างกายขาดสารอาหารมาก จะชำรุดทรุดโทรมและฟื้นตัวช้า
อย่างวันนี้ กระผม/อาตมภาพสอบถามครูบาหน่อแก้วฟ้าแล้วว่า "เมื่อไรจะเข้านิโรธกรรมอีก ?" ท่านบอกว่าร่างกายไม่ดี ระยะนี้เข้าไม่ไหว กระผม/อาตมภาพก็ว่า ถ้าอายุขนาดท่านร่างกายไม่ดี อายุขนาดผมก็คง "ตะบันน้ำกิน" แล้วแน่นอน ถ้าหากว่าทุกท่านซักซ้อมได้คล่องตัวแล้ว จะลองเข้าดูบ้างก็ได้ แรก ๆ ก็ซ้อมไว้สักวัน ๒ วัน ๓ วัน ขยับขึ้นไปเรื่อย จะช่วยให้สมาธิของเราดีขึ้น ถ้าเอามาบวกกับการใช้ปัญญาพิจารณา ก็จะตัดอะไรได้เด็ดขาดและง่ายขึ้น
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๒๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2025 เมื่อ 02:24
|