ด้วยความที่ว่าเป็นนักสู้ เป็นทหารมาทุกชาติ แม้พยายามจะแผ่เมตตาให้อภัยเขา แต่ตีนมันไปเอง..ตีนกวาดโครมเดียวกระจายทั้งวง..! ทันทีที่พิธีเขาแตก อาการทุกอย่างก็หายเดี๋ยวนั้นเลย แต่ว่าพอสองวันต่อมาก็ร่วงทั้งยืนอีก..! เพราะเขารู้ว่าเราตอบโต้เขาได้ ก็คือไม่เป็นอะไร
คราวนี้ตัวคนเดียวเราต้องมีพักผ่อนหลับนอน แต่เขาใช้วิธีผลัดเวรกัน ในเมื่อ ๓๐ คนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกัน แค่เวรละ ๑๐ คน เราก็ตายแน่..! เพราะเขาไม่ต้องพัก จึงต้องใช้วิธีอดทนเอาไว้ ไม่ตอบโต้ จนกระทั่งเขาคิดว่ากระผม/อาตมภาพตายไปแล้ว ถึงได้เลิกทำ
ดังนั้น..ในปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่กระผม/อาตมภาพก็ใช้วิธีนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นในงานของครูบาวิฑูรย์ หรือว่าครูบาเหนือชัย ใครอยากทำก็ทำหน้าทะเล้นคุยไปเรื่อย จนเขาสงสัยว่า "ตกลงหลวงพ่อเล็กหรือพระอาจารย์เล็กเขาเก่งจริงหรือเปล่า ? ทำอะไรก็ไม่เห็นจะตอบโต้ แต่ขณะเดียวกัน ทำเท่าไรก็ไม่เห็นเป็นอะไรสักทีเหมือนกัน ?" กระผม/อาตมภาพอยากจะปลุกยันต์เกราะเพชรเหมือนกัน แต่กลัวว่าเขาจะตาย..!
เพราะเพิ่งจะเข้าใจสิ่งที่หลวงพ่อท่านบอกว่าเหมือนกับเข็มแทง ความจริงไม่ใช่เข็ม อยากจะบอกว่าเหมือนเหล็กปิ้งเนื้อหรือเหล็กปิ้งบาร์บีคิว มีอยู่ครั้งหนึ่ง เหมือนกับแทงเข้าฝ่าเท้าขึ้นมาถึงหัวเข่าเลย ปวดจนกระทั่งนั่งอยู่ไม่สุข ต้องพลิกซ้ายพลิกขวา ถ้าคนรู้จักสังเกตจะเห็นว่า งานนั้นอาตมานั่งไม่นิ่ง แต่ก็ใช้วิธีเข้าสมาธิ ไม่รับรู้ อยากจะเจ็บก็เจ็บไป ดังนั้น..เขาก็เลยสงสัย แล้วท้ายที่สุดพอทำไปหลาย ๆ ครั้งไม่มีผล เขาก็เลิกกันไปเอง ปัจจุบันนี้จะอยู่ในลักษณะค่อนข้างสบาย แต่ถ้าเป็นระยะแรก ๆ นี่ "โดน" เป็นประจำ..!
ดังนั้น..ในเรื่องของการเข้ากรรมฐาน หรือว่านิโรธกรรมนั้น ไม่ใช่นิโรธสมาบัติ ยกเว้นว่าท่านใดสามารถทรงสมาบัติ ๘ ได้ ถึงจะเข้านิโรธสมาบัติได้ แต่..แต่บุคคลที่ทรงสมาบัติ ๘ ได้นั้น อย่างต่ำต้องเป็นพระอนาคามี ก็แปลว่าไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุ สามเณร แม่ชี ฆราวาส ถ้าเป็นพระอนาคามีทรงสมาบัติ ๘ ได้ สามารถเข้านิโรธสมาบัติได้ทุกคน ยกเว้นว่าจะทำหรือไม่ทำเท่านั้น
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2025 เมื่อ 02:22
|