ประการต่อไปก็คือการสาธารณสงเคราะห์ ที่เราท่านทั้งหลายต้องออกไปช่วยน้ำท่วม ไฟไหม้ หรือชาวบ้านที่เจ็บไข้ได้ป่วยเดือดร้อนต่าง ๆ พระสงฆ์ส่วนใหญ่ของเรา ต้องอนุเคราะห์สงเคราะห์ต่อประชาชนรอบวัด เติมในสิ่งที่เขาขาด เพราะว่ารัฐบาลดูแลไม่ทั่วถึง ส่วนใหญ่ก็ควักย่ามตนเองเพื่อที่จะสงเคราะห์ประชาชน
แต่ก็ยังมีคนบอกว่า "ไม่ควรทำบุญก็พระ ให้ไปสร้างโรงเรียน โรงพยาบาลดีกว่า" กระผม/อาตมภาพอยากจะให้พวกนี้ถึงเวลาตายแล้ว ให้โรงเรียนเขาส่งนักเรียนมาสวดศพ ให้โรงพยาบาลมาช่วยจัดการเผาศพให้ ดูสิว่าจะทำได้ไหม ? คือ พวกไร้ปัญญา มักจะพูดในสิ่งที่ไม่คำนึงถึงความเป็นจริง แต่คิดว่าเท่..!
ประการต่อไปก็คือการศึกษาสงเคราะห์ เอาแค่วัดท่าขนุนแห่งเดียว ก็ให้ทุนการศึกษา ๓๐ กว่าโรงเรียนในอำเภอทองผาภูมิ พระภิกษุสามเณรรูปใดต้องการเรียน ส่งเรียนโดยไม่มีข้อแม้ หลายต่อหลายท่านเรียนจบปุ๊บ สึกหาลาเพศปั๊บ..! ก็ไม่ได้ว่าอะไร หลายท่านระหว่างเรียน ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้กับวัดวาอาราม เรียนจบแล้วขอย้ายไปอยู่ที่อื่นทันที ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะว่าเรื่องของกตัญญูกตเวทิตา เป็นจิตสำนึกของแต่ละคนที่มีไม่เท่ากัน..!
ทุกท่านจะเห็นได้ว่าเรื่องของคณะสงฆ์ไทยของเรานั้น แบกภาระของประเทศชาติเอาไว้ครึ่งค่อนประเทศ แต่เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานนิตยภัตก็ดี สมณศักดิ์ก็ตาม เพื่อถวายความสะดวกหรือเป็นกำลังใจในการทำงาน เจ้าพวก "เกรียนคีย์บอร์ด" หรือ "ปากหอยปากปู" ก็ยังมาตำหนิติเตียนว่า "เป็นพระทำไมถึงมีเงินเดือน ?" อยากจะรู้ว่าถ้าเป็นมัน มีเงินเดือน เดือนละ ๑,๘๐๐ บาท แถมต้องช่วยชาวบ้านรอบวัดทุกทิศ มันจะทำได้ไหม !?
บุคคลพวกนี้ ความจริงเราไม่ต้องไปใส่ใจ อย่างไรเขามีทุคติเป็นที่ไปแน่นอน..! แต่อาจจะบั่นทอนกำลังใจของเราท่านทั้งหลาย ที่ยังอินทรีย์ไม่แก่กล้าพอ จึงขอให้ทุกท่านรำลึกถึงตรงจุดที่ว่า ถ้าเราทำความดีเพราะอยากทำ เราก็จะทำได้ทนทำได้นาน แต่ถ้าเราทำความเพราะอยากดี ถึงเวลาไม่ได้ดีตอบ เราก็จะหมดกำลังใจ
จึงขอให้ทุกท่านพิจารณาตนเองให้ถ่องแท้ว่า "เราทำความดีเพราะอะไร ?" เพราะเห็นประโยชน์ในหลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ก่อเกิดให้เห็นประโยชน์สุขทั้งในปัจจุบัน ประโยชน์สุขในอนาคต และประโยชน์สูงสุด คือพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน
หรือว่าเราประพฤติปฏิบัติ เพราะอยากให้คนอื่นเห็นว่าเราเป็นคนดี อยากมี ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เหมือนกับครูบาอาจารย์ท่านนั้นท่านนี้ ก็เป็นเรื่องที่ท่านทั้งหลายจะวินิจฉัยวิเคราะห์ตนเอง แล้วก็ดูว่ามีปัญญาเพียงพอที่จะปรับแก้ให้ถูกทางหรือไม่ ?
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๑๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:07
|