ต้องบอกว่าหลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ยนั้น เกียรติคุณของท่านเข้าไปถึงในรั้วในวัง ถึงขนาดในหลวงรัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสต้นไปแล้ว ได้มีโอกาสกราบพบ ยังมีบันทึกเอาไว้อย่างชัดเจนว่า ท่านมีรูปร่างลักษณะอย่างไร ? มีปฏิปทาอย่างไร ?
โดยเฉพาะวัตุถมงคลของท่าน ซึ่งใช้คำว่า "แกะด้วยเขี้ยวเป็นรูปเสือ ฝีมือค่อนข้างหยาบ แต่ว่าราคาสูงมากถึง ๑ บาท บางปีราคาสูงเพราะของหายาก ก็สูงถึง ๖ บาท..!"
กระผม/อาตมภาพเห็นพระราชหัตถเลขาตรงนี้แล้วยังตกใจว่า ในสมัยที่ข้าวเปลือกเกวียนหนึ่งราคาไม่ถึง ๑ บาท แต่เสือหลวงปู่ปานองค์ละ ๑ บาท..! และเมื่อคนต้องการเข้า เคยขึ้นไปสูงสุดถึงตำลึงครึ่ง ก็คือ ๖ บาท..! ถ้าเป็นราคาสมัยนี้ก็คงจะนับล้านบาทเลยทีเดียว..! แล้วขณะเดียวกัน ราคาเสือหลวงปู่ปานในปัจจุบันนี้ก็ไปถึงระดับนั้นจริง ๆ เสียด้วย แสดงว่าค่านิยมนี้ไม่ได้ตกต่ำหายไปเลย แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ใน "๙ เครื่องรางสะท้านแผ่นดิน" ก็ตาม
แต่ถ้าให้กระผม/อาตมภาพจัดลำดับเอง เครื่องรางที่กระผม/อาตมภาพจัดเอาไว้ รับรองได้ว่า ๑๐ อันดับแรกต้องมีเขี้ยวเสือ หลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ย จังหวัดสมุทรปราการ ต้องมีหนุมาน หลวงปู่สุ่น วัดศาลากุน จังหวัดนนทบุรี ต้องมีตะกรุดไมยราพณ์สะกดทัพ หลวงพ่อกุน วัดพระนอน จังหวัดเพชรบุรี เหล่านี้อยู่ด้วยอย่างแน่นอน
เมื่อกราบลาท่านออกมา ปรากฏว่ารถของกระผม/อาตมภาพนั้น จอดอยู่ทางซุ้มประตูทางเข้าวัด ซึ่งจะต้องวิ่งสวนเข้าไป เพื่อไปออกทางประตูทางออกอีกด้านหนึ่ง แต่พอดีท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ก็จะออกด้วย ทำให้ตำรวจรีบไล่กระผม/อาตมภาพให้ออกจากประตูทางเข้านี้แหละ ช่วยกันเป่านกหวีด ช่วยกันกั้นรถเป็นการใหญ่ ปล่อยให้ถอยหลังยาว ๆ ขึ้นมาบนถนน แล้วก็วิ่งออกไปแบบสบายใจเฉิบ..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:12
|