เนื่องเพราะว่าการต่อสู้กับกิเลสนั้น ถ้าเราไปเปิดโอกาสให้กิเลสเมื่อไร โอกาสที่เราจะโดนตีตายมีสูงมาก..! เพราะว่าพวกนี้ไม่เคยปรานีเรา แต่พวกเรามักจะไปปรานีกิเลส การประพฤติปฏิบัตินั้น จะสร้างความร้อนในการแผดเผากิเลส ที่เรียกว่าตบะ เมื่อกิเลสโดนเผา กลัวว่าจะตายก็ดิ้นรน หาทางให้เราพักบ้าง ไปโทรศัพท์บ้าง ไปเช็คไลน์บ้าง ไปอัพเฟซบุ๊กบ้าง เวลาที่เราจะไปสู้กับกิเลสจริง ๆ กลายเป็นว่าไปคล้อยตามกิเลส แล้วท้ายที่สุดก็โดนจูงจมูกไปอย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้..!
จึงเป็นเรื่องที่กระผม/อาตมภาพเห็นแล้วสะท้อนใจว่า พระของเรามีจำนวนมากถึง ๖๐ - ๗๐ รูป แต่ยังหาที่เป็นหลักให้กับญาติโยมจริง ๆ ไม่ได้เลย เพราะความย่อหย่อนในการปฏิบัติ ท่านทั้งหลายจะไปประมาทว่าเรามีศีลครบถ้วนสมบูรณ์ ถือว่าเป็นพระแล้ว กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่าไม่ใช่ พระพุทธเจ้าสอนเราทั้งศีล ทั้งสมาธิ และทั้งปัญญา พวกเราส่วนใหญ่ศีลก็ยังบกพร่องอยู่ สมาธิก็ไปไม่ถึงไหน แล้วจะเอาอะไรไปให้ปัญญาได้อาศัยในการพินิจพิจารณาธรรม ทั้งยังประกอบไปด้วยความประมาทเป็นปกติ เห็นแก่กิน เห็นแก่นอน แต่ไม่เห็นแก่การปฏิบัติธรรม..!
เรื่องพวกนี้ บุคคลที่รับทุกข์รับโทษเป็นคนแรกก็คือตัวเราเอง ถึงเวลาก็ต้องดิ้นรนเดือดร้อน เพราะโดนกิเลสแผดเผา แทนที่จะไปเผากิเลส ภาระหน้าที่การงานต่าง ๆ ของเรา ถ้าหากว่ามีรับผิดชอบก็ทำไป โดยใส่สติไว้ตรงหน้า งานทุกอย่างถ้าเราทำโดยมีสติ ก็คือการปฏิบัติธรรม เพราะว่าสติจำเป็นในทุกเมื่อ ที่จะระมัดระวังไม่ให้เราตกเป็นทาสกิเลส ไม่ใช่โดนจูงจมูกไปไกลหลายกิโลเมตรแล้วกว่าจะรู้ตัว ซ้ำยังไม่คิดที่จะดิ้นรนให้หลุดออกมา หากแต่ตามไปเรื่อยเปื่อย แล้วแบบนี้อีกกี่ชาติถึงจะเอาดีได้..!?
โดยเฉพาะในสถานการณ์โลกยุคปัจจุบัน ที่สังคมเรียกร้องจากพระภิกษุสามเณรของเราสูงมาก แล้วในลักษณะของการเรียกร้องก็ไม่ใช่เรียกร้องแบบผู้เข้าถึงธรรม หากแต่เป็นการเรียกร้องตามกิเลส หรือความเข้าใจของตนเอง ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นการเข้าใจผิดแบบมิจฉาทิฏฐิอีกด้วย..!
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ถ้าหากว่าเราทั้งหลายเคร่งครัดในธรรมวินัย มีสมาธิเป็นเครื่องรักษาตนไม่ให้กิเลสโจมตีเราได้ มีปัญญาเพียงพอที่จะมองเห็นช่องทางว่าทำอย่างไรจะรักษาตัวให้รอดจากตรงนี้ ก็คือสถานการณ์ที่ รัก โลภ โกรธ หลง กำลังรุมตีเราอยู่เฉพาะหน้า ถ้าอย่างนั้นก็พอที่จะนับเป็นสมมติสงฆ์ ที่ชาวบ้านเขาไหว้ได้เต็มมือบ้าง ไม่ใช่ว่าเขาเรียกร้องหรือด่าอะไรมาตรงกับเราหมด ถ้าอยู่ในลักษณะนั้น เราไม่มีโอกาสที่จะไปถกเถียงหรือแก้ตัวเลย เพราะว่าทุกอย่างที่เราทำ ตรงกับที่เขาวิพากษ์วิจารณ์ทั้งสิ้น..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:24
|