วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ พวกเราได้จัดงานบำเพ็ญกุศลถวายบูรพาจารย์วัดท่าขนุนกันไปเรียบร้อยแล้ว ในส่วนที่ทุกท่านถ้าสังเกต ก็คือวันนี้พระของเรารวมแล้ว ๖๒ รูป..! ก็แปลว่าจากยอดปกติ ๔๓ รูป ถ้าหากว่าท่านที่ไปอยู่สำนักข้างเคียงกลับมาด้วย เราก็จะมียอดพระภิกษุมากกว่าเดิมอีกเป็นครึ่ง ๆ แล้วทั้งหมดนี้ก็ยังกลับมาไม่หมดอีกด้วย..!
ส่วนที่บอกกล่าวนี้ไม่ใช่ภูมิใจว่าเรามีพระภิกษุสามเณรมาก หากแต่อยากจะบอกกับทุกท่านว่า "พวกเราอยู่มากขนาดนี้ มีใครที่คิดว่าสามารถเป็นหลักให้กับญาติโยมได้บ้าง ?" ส่วนใหญ่พวกเราก็แค่ยืนหยัดอยู่ในจุดเล็ก ๆ ก็คือวัดหรือสำนักของตน ไม่สามารถที่จะก้าวออกไปกว้างไกลได้มากกว่านั้น เพราะว่าขาดการขัดเกลาและฝึกฝนตนเองจนเป็นที่ศรัทธาเชื่อถือของญาติโยม ซึ่งตรงนี้จะโทษใครไม่ได้ นอกจากความขี้เกียจของเราเอง
สมัยที่กระผม/อาตมภาพอยู่กับครูบาอาจารย์ทางสายวัดป่าภาคอีสาน ท่านทั้งหลายเหล่านี้ไม่เห็นแก่กินแก่นอน เดินจงกรมภาวนา พิจารณากันเช้ายันค่ำ ค่ำยันเช้า หลายท่านเสียดายเวลาที่ต้องออกบิณฑบาต และต้องเสียเวลามาฉัน ทั้ง ๆ ที่ท่านก็ฉันแค่มื้อเดียว จึงทิ้งการบิณฑบาต ทิ้งการฉันอาหาร อดกันทีหนึ่ง ๗ วันบ้าง ๑๐ วันบ้าง ๑๕ วันบ้าง เพื่อเอาเวลาไปประพฤติวัตรปฏิบัติธรรมของตน ที่อยู่ในลักษณะกำลังต่อสู้กับกิเลสอย่างหนัก ไม่เปิดโอกาสให้กิเลสเหนือกว่าได้
ต่อให้มาถึงรุ่นของกระผม/อาตมภาพเอง ช่วงที่ประพฤติปฏิบัติอย่างจริง ๆ จัง ๆ อย่างเก่งก็พักคืนละ ๒ ชั่วโมงเท่านั้น พูดง่าย ๆ ว่าเดินจงกรมภาวนากันทั้งคืน ต่อให้หมดสภาพสลบไสลไป ก็ตั้งใจไว้ว่าอีกไม่เกิน ๒ ชั่วโมงจะลุกมาปฏิบัติธรรมต่อไป..!
ดังนั้น..ท่านที่เคยเห็นกระผม/อาตมภาพตอนโน้นกับตอนนี้ จะรู้สึกถึงความต่างกันมาก เพราะว่าตอนโน้นน้ำหนัก ๕๔ กิโลกรัม ปัจจุบันนี้ ๖๑ กิโลกรัม พูดง่าย ๆ ก็คืออยู่กับการปฏิบัติธรรมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก..!
วันหนึ่ง ๆ พอทำหน้าที่ประจำของตนเองเสร็จ ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาด การเข้าเวรหน้าตึกเพื่อรับใช้หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่าน หรือว่าเป็นเวรดูแลโรงครัว เมื่อเสร็จสรรพเรียบร้อยก็เข้าที่ภาวนาทันที ไม่มีกลางวัน ไม่มีกลางคืน กำหนดรู้อยู่อย่างเดียวว่างานต่อไปของเราคืออะไร ? อย่างเช่นว่า ๕ โมงเย็นต้องไปทำวัตรค่ำ ต่อด้วยเจริญพระกรรมฐาน เสร็จแล้วก็เข้าที่ภาวนาเฉพาะตนต่อไป ก็คืองานที่เป็นไปตามระเบียบ ตามวินัยก็ไม่ให้เสีย งานภาวนาของตนเองก็ไม่ทิ้ง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:20
|