กระผม/อาตมภาพได้ยินแล้วหนักใจมาก เหตุเพราะ ๒ ประการด้วยกัน ประการแรกก็คือคนรุ่นนี้เชื่อข้อมูลจาก AI หรือปัญญาประดิษฐ์ มากกว่าตัวตนของผู้ที่ปฏิบัติจนเกิดผลแล้วนำมาสอน ประการที่ ๒ ก็คือ AI นั้นสามารถที่จะให้เนื้อหาความรู้เกี่ยวกับหลักธรรมได้ทุกอย่าง แต่ไม่สามารถจะให้อารมณ์หรือว่าสภาวธรรมที่แท้จริงได้
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านทั้งหลายจะไปเชื่อ AI อย่างเดียว แล้วก็แสดงความฉลาดด้วยการมาตั้งคำถาม กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่า ต่อให้โคตรซูเปอร์ AI ก็ไม่มีเครื่องไหนที่ชาญฉลาดกว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
หลักธรรมที่พระองค์ท่านตรัสรู้เปรียบเหมือนใบไม้ทั้งป่า แต่พระองค์ท่านเก็บรวบรวมเอาใบไม้เพียงกำมือเดียว ที่ปฏิบัติตามแล้วให้เราอยู่สุขในปัจจุบัน อยู่สุขในอนาคต และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ก็คือสามารถหลุดพ้นกองทุกข์ไปสู่พระนิพพานได้ ธรรมะทั้งหลายเหล่านั้นเป็นสิ่งที่สมบูรณ์บริบูรณ์โดยสิ้นเชิงแล้ว ตัดออกก็ขาด เติมเข้าก็เกิน เหมือนกับอาหารที่ทำไว้ดีแล้ว เพียงแต่เราท่านตักเข้าปากไปก็จะเกิดผลแก่ตนเองทันที มากน้อยตามสิ่งที่เราทำ
ดังนั้น..การที่เราจะไปตั้งคำถามกับหลักธรรมในพระพุทธศาสนาจึงไม่ใช่เรื่อง ไม่ใช่ว่าพระภิกษุสามเณรโง่ หากแต่ว่าพระภิกษุสามเณรนั้น เข้าใจว่าต้องปฏิบัติตามหลักธรรมอย่างไรต่างหาก
อาหารอยู่ตรงหน้า ท่านจะไปเขี่ยดูทีละอย่างว่า อาหารจานนี้ประกอบไปด้วยข้าวกี่เม็ด ? หุงมาจากข้าวชนิดไหน ? แข็งเกินไป อ่อนเกินไป หรือว่าพอดี ? กับข้าวนั้นประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ? สมมติว่าเป็นผัดกะเพราไข่ดาว ท่านจะไปเขี่ยดูว่าเป็นผัดกะเพราหมู หรือผัดกะเพราเนื้อ ? ใช้ปริมาณเนื้อเท่าไร ? ใช้กะเพรากี่ยอด ? ไข่ดาวนี้สุกพอดี สุกปานกลาง หรือทอดจนกระทั่งเกรียม ? คาดว่ากว่าที่ท่านจะเห็นชัดเจนและตั้งคำถามเหล่านี้กับพ่อครัวแม่ครัวเสร็จสิ้น ท่านก็คงเป็นลมตายไปก่อน..!
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น การที่เราเชื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วปฏิบัติตาม จึงไม่ใช่ความโง่ หากแต่ว่าเป็นศรัทธา คือความเชื่อมั่น ที่ประกอบด้วยปัญญาว่า พระองค์ท่านรู้แจ้งเห็นจริง แล้วเราจึงยึดถือและปฏิบัติตาม
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-09-2025 เมื่อ 00:05
|