ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 10-09-2025, 01:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,097
ได้ให้อนุโมทนา: 159,883
ได้รับอนุโมทนา 4,505,415 ครั้ง ใน 36,708 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กล่าวย้อนกลับมาถึงพวกเราที่ว่า ถ้าสภาพจิตที่ได้รับการฝึกดีแล้วก็จะเร็วมาก ทันทีที่รู้สึกว่าราคะจะเกิด ทันทีที่รู้สึกว่าโทสะจะเกิด ถ้าเราฝึกดีแล้ว ส่งใจไปกราบพระบนพระนิพพานเลย ต้องไปให้ทันด้วยนะ ถ้าไม่ทันก็เจ๊งเลย..! ถ้าสภาพจิตของเราเกาะพระนิพพาน ซึ่งปราศจาก รัก โลภ โกรธ หลง พวก ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ ก็จะกินใจเราไม่ได้

การฝึกมโนมยิทธิของหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านต้องการจุดสำคัญตรงนี้ ก็คือรู้จักพระนิพพานได้ ไปพระนิพพานตรง เห็นชัดเจนว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา เนื่องเพราะว่าเป็นเพียงเปลือกที่ให้ "กายใน" อาศัยเท่านั้น แค่นั้นยังไม่พอ ยังสามารถที่จะยกจิตหนีกิเลสได้ทันอีกต่างหาก ไม่ใช่ไปดูว่าในอดีตคนนั้นเป็นผัวกู คนนี้เป็นเมียกู แล้วก็ไปฟื้นสัมพันธ์กันใหม่อย่างที่ส่วนใหญ่เขาทำกันในปัจจุบัน..!

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าเราทำจนกระทั่งเคยชิน กิเลสกินใจไม่ได้ นาน ๆ ไปก็หมดสภาพเอง เราก็จะสามารถบรรลุมรรคผลในลักษณะของ "เจโตวิมุตติ" ก็คือใช้กำลังใจข่มไว้ จนกิเลสเกิดไม่ได้ แล้วหมดสภาพไปเอง ถ้าถามว่าเป็นเรื่องยากหรือเปล่า ?
ถ้าขาดการฝึกฝนก็ยาก แต่ถ้าซักซ้อมอยู่ตลอดเวลาก็ไม่ได้ยาก

ดังนั้น..
จากการที่เกิดอุบัติเหตุฉุกเฉิน ที่เราเห็นทุกอย่างว่าช้าลง เพราะสภาพจิตของเราเร็วขึ้นจากกำลังทั้งหมดที่มารวมตัวกัน ใครเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อย ๆ จะรู้ว่าตัวเองมีต้นทุนเท่าไร ? เพียงพอต่อการมุ่งพระนิพพานหรือไม่ ?

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๙ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-09-2025 เมื่อ 02:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา