ช่วงที่ยังอยูที่วัดท่าซุง พวกเราผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันอยู่เวรยามทุกวัน เหมือนอย่างกับวัดท่าขนุนของเราในปัจจุบันนี้ เพียงแต่ว่ากระผม/อาตมภาพรับหน้าที่อยู่ในแม่น้ำ คนอื่นเขากลัวจระเข้กัน ถามว่ามีจระเข้ด้วยหรือ ? ขอยืนยันว่ามี จระเข้ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ใน "บึงทับแต้" ที่อยู่ทางด้านต้น "คลองยาง" พอถึงเวลาน้ำหลากก็มักจะตามน้ำออกมาหากิน จนกระทั่งมาถึง "แม่น้ำสะแกกรัง" ช่วงหน้าวัดท่าซุง
กระผม/อาตมภาพเคยเจอมาด้วยตนเอง ก็คือพายเรือแล้วก็ไปจ๊ะเอ๋กับเจ้าขอนดำ ๆ ลอยใกล้เข้ามา..ใกล้เข้ามา ก็เลยเอาพายกระทุ้งไปเสียก่อน ไอ้เจ้านั่นตกใจ แว้งตัวหนี..เล่นเอาเรือเกือบล่ม..! ในเมื่อคนอื่นเขากลัวจระเข้ ก็เลยไม่มีใครลงน้ำ จึงปล่อยให้กระผม/อาตมภาพรับผิดชอบไปคนเดียว
แล้วช่วงนั้นผู้มีจิตศรัทธาจะส่งของอาถรรพ์มาถวายหลวงพ่อวัดท่าซุงทุกวันอังคารและวันเสาร์ พวกนี้ศรัทธาแรงกล้ามาก ถวายตรงเวลาทุกวัน..! พอถึงเวลาประมาณทุ่มครึ่ง ได้ยินเสียงหมาหอน ไปยืนรออยู่ข้างโบสถ์วัดท่าซุงได้เลย วัตถุอาถรรพ์ที่โดนทำมาส่วนใหญ่เป็นพวกตะปูตอกโลงผี เมื่อเข้ามาอยู่ในเขต เทวดาซึ่งเป็นลูกน้องท้าวมหาราชท่านทำลายอาถรรพ์นั้นทิ้ง จากที่เขาเสกจนเล็กเหมือนกับฝุ่น ก็กลับไปอยู่ในสภาพเดิม พวกกระผม/อาตมภาพเก็บสะสมจนแทบจะชั่งกิโลขายได้ รวม ๆ กันแล้วเป็นหอบเลย..!
คราวนี้ที่มาเล่าตรงนี้ก็เพราะด้วยความสงสัยที่ว่า เทวดาท่านทำลายอาถรรพ์พวกนี้ได้อย่างไร ? สองคนกับพี่สามารถ ปัจจุบันก็คือทิดสามารถ สุขสาธุ จึงแอบดู ไปแอบอยู่ทางด้านริมน้ำที่ตนเองต้องรับผิดชอบนั่นแหละ แล้วเทวดาท่านก็ยืนอยู่ด้านนั้น พอถึงเวลาหมาเริ่มหอน พวกวัตถุอาถรรพ์ก็พุ่งมาเร็วมาก เร็วชนิดสายฟ้าแลบ..! แต่เทวดาท่านเร็วกว่า ท่านเอาพระขรรค์เคาะ เหมือนอย่างกับเราตีแบดมินตัน อันไหนที่เคาะโดนก็หล่นลงมา กลายเป็นของที่หมดสภาพแล้ว
ถึงได้รู้ว่าถ้าหากว่าของที่เราเห็นเร็วขนาดไหน แต่ในสภาพความเป็นทิพย์ พรหม เทวดา สภาพจิตท่านเร็วกว่า การต่อต้านแก้ไขของท่านจึงกลายเป็นของง่าย ๆ
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-09-2025 เมื่อ 01:12
|