แต่พอตอนกลับมาแล้ว นอนต่อไม่ได้ ไม่ทราบว่าสภาพจิตหลุดจากการภาวนาตอนไหน โกรธจนมือสั่นตีนสั่นไปหมด..! คิดอยู่อย่างเดียวว่า "ถ้าตอนนั้นกูเตะมันซะเองจะดีที่สุด..!" นั่นก็คือลักษณะที่เราปล่อยให้สติ สมาธิ หลุดจากการภาวนา แล้ว รัก โลภ โกรธ หลง ตีกลับ ซึ่งพวกเราส่วนใหญ่มักจะเจอในลักษณะแบบนี้
ดังนั้น..ถ้าจะแบกให้เบาด้วยการใช้สมาธิช่วย ถึงเวลาแล้วต้องไปพิจารณาต่อด้วย ก็คือใช้ปัญญาเข้ามาดูว่า เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เราโกรธเขา เขาก็ตาย เราไม่โกรธเขา เขาก็ตาย อยู่ได้ไม่นานหรอก ซึ่งวิธีการคิดเพื่อคลายกำลังใจของตนเองนั้น กระผม/อาตมภาพสามารถบอกเป็นแนวทางเท่านั้น แต่วิธีการเฉพาะหน้าแต่ละคนต้องไปคิดเอาเอง ต้องไปทำเอาเอง เพราะว่าสถานการณ์และกำลังใจของแต่ละคนไม่เท่ากัน
โดยเฉพาะถ้าอยู่ในฐานะประธาน ต้องเป็นผู้ตัดสินความ จะเข้าข้างคนใดคนหนึ่งก็ไม่ได้ ถ้าชมฝ่ายหนึ่ง ก็ต้องไม่กดอีกฝ่ายหนึ่งลง ถ้าจะว่ากล่าวฝ่ายหนึ่ง อีกฝ่ายหนึ่งก็ต้องโดนด้วย ถ้าอยู่ในลักษณะนี้ เราถึงจะปกครองคนได้
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2025 เมื่อ 00:56
|