อย่างเช่นวันนี้ที่กระผม/อาตมภาพ เตือนคณะกรรมการ "ร้านค้าชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน" ที่ไปกล่าวถึงหนทางและวิธีการบริหารของ "ตลาดริมแควเมืองท่าขนุน" ซึ่งเป็นกรรมการคนละชุดกัน ก็คือถ้าหากว่าเราจะอยู่ในลักษณะ "สาดโคลน" เข้าหากัน ก็เปื้อนทั้งสองฝ่าย ในเมื่อไม่ใช่หน้าที่ของเรา จะไปล่วงเกินในลักษณะ "ล้วงลูก" งานคนอื่นนั้นไม่ถูกต้อง
ท่านทั้งหลายจะเห็นว่าเมื่อกระผม/อาตมภาพมอบอำนาจหน้าที่ให้ใครทำแล้ว ก็จะมอบความไว้วางใจให้ตัดสินใจทำไปเลย โดยมีหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงดูอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น ถ้าหากว่ามีอะไรผิดพลาดตรงไหน พวกท่านสามารถที่จะประชุมปรึกษาหารือแก้ไขกันได้ด้วยตนเอง กระผม/อาตมภาพก็ปล่อยเป็นภาระของทุกคนไปอย่างเต็มที่ แต่ถ้าเห็นว่าไม่รอดจริง ๆ ก็จะชี้ทางออกบอกทางถูกให้ ถ้าอยู่ในลักษณะนี้ เราจะไม่เสียความยุติธรรม แล้วคนก็ตำหนิเราไม่ได้
เพียงแต่ว่าสำหรับบุคคลทั่วไปแล้ว มักจะเอากิเลสเข้ามาปนกับหน้าที่การงาน จะอยู่ในลักษณะหวงอำนาจ รวบอำนาจไว้เพียงคนเดียว ซึ่งถ้ากล่าวถึงอดีตเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิรูปหนึ่ง ตอนที่กระผม/อาตมภาพเป็นเจ้าคณะตำบลชะแลเขต ๒ ซึ่งต้องดูแลถึง ๕ วัดและ ๗ สำนักสงฆ์ ในพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลประมาณครึ่งอำเภอ..! แค่วิ่งส่งหนังสือจากวัดแรกถึงวัดสุดท้าย รวมระยะทางถึง ๑๔๒ กิโลเมตร..! จึงขอให้ท่านตั้งรองเจ้าคณะตำบลมาช่วยงาน ๑ รูป ท่านไม่ยอมตั้งให้ บอกว่า "ผมไม่ชอบให้ใครมาแบ่งอำนาจ" ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่งานของท่าน แล้วก็ไม่ใช่แบ่งอำนาจจากตำแหน่งหน้าที่ของท่าน แต่ท่านยืนยันในลักษณะแบบนั้นเอง
ทุกท่านก็จะเห็นว่า ปกติของมนุษย์เราจะเป็นเช่นนั้น จึงต้องมองโลกในลักษณะของการดูหนังดูละคร ใครจะมีบทบาทอะไรก็ปล่อยเขาเต้นไป ใครจะมีข้อแก้ตัวอย่างไร เราก็รับฟังไว้ พยายามเสาะหาแก่นสารต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อเราให้ได้ ถ้าทำในลักษณะนี้ ความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมของเราถึงจะมีมาก
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2025 เมื่อ 00:51
|