จนกระทั่งสามเณรโค่งอยู่รูปเดียว ก็คือสามเณรสรณังกร ที่ยืนหยัดรักษาพระพุทธศาสนาอยู่ แต่ไม่สามารถที่จะบวชพระได้ พอดีได้มีโอกาสแสดงธรรมถวายพระเจ้ากีรติสิริราชสิงหะ กษัตริย์ศรีลังกาในยุคนั้น พระองค์ท่านฟังแล้วพอใจมาก จึงสอบถามว่า "ต้องการอะไร ?" สามเณรสรณังกรขอให้พระองค์ท่านช่วยส่งสาส์นไป ขอพระภิกษุมาสืบศาสนาที่ศรีลังกา
ตอนแรกขอไปทางอินเดีย ซึ่งก็กำลังวุ่นวายอยู่ เพราะว่าโดนอังกฤษเข้ายึด จึงไม่ได้ส่งสมณทูตมาช่วยเหลือ ขอไปทางประเทศพม่า อังกฤษก็กำลังเข้ายึดพม่าเช่นกัน ไม่สามารถที่จะให้การช่วยเหลือได้ จนต้องขอมาทางกรุงศรีอยุธยา
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศจึงได้ส่งสมณทูตไป ซึ่งคณะแรกก็คือคณะที่มีพระอุบาลีเป็นหัวหน้า เป็นการวางแผนส่งสมณทูตไปที่ลึกซึ้งมาก เพราะว่าพระอุบาลีเถระนั้น เราท่านต้องไม่ลืมว่า คำว่า "พระอุบาลี" เป็นนามของพระมหาเถระผู้ทำสังคายนาพระไตรปิฎกหมวดพระวินัย ก็คือศีลพระ ก็แปลว่าส่งพระอุบาลีไป เพื่อที่จะปรับให้บรรดาพระภิกษุสามเณรที่มีอยู่ ตลอดจนกระทั่งโยมวัดทั้งหลายได้เข้าใจว่าศีลของพระภิกษุสามเณรคืออะไร ?
เมื่อเริ่มอุปสมบทบรรพชาแก่กุลบุตรชาวศรีลังกา พระอุบาลีเถระท่านก็ไม่ได้ไปตัวเปล่า หากแต่นำสามเณรที่อายุใกล้บวชจากกรุงศรีอยุธยาไปด้วย แล้วก็ประกาศให้บรรดาผู้ที่ตั้งใจจะอุปสมบท มาดูพิธีกรรมพิธีการว่าเขาบวชกันอย่างไร ? ขานนาคอย่างไร ? ถามอันตรายิกธรรมอย่างไร ? สวดญัตติอย่างไร ? เป็นต้น
ในการบวชครั้งแรก มีกุลบุตรชาวสิงหลอุปสมบท ๗๐๐ รูป พระเจ้ากีรติสิริราชสิงหะจะตั้งพระอุบาลีเถระเป็นพระสังฆราช ท่านบอกว่าท่านรับไม่ได้ เพราะว่าไม่รู้ภาษาสิงหล ที่พูดคุยกันส่วนใหญ่ใช้ภาษาบาลีเป็นหลัก ถ้าเกิดเรื่องเกิดราวอะไรขึ้น ก็ไม่สามารถที่จะทำการได้ถนัด ขอให้ตั้งพระภิกษุชาวศรีลังกาเป็นพระสังฆราชแทน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 02:33
|