แล้วถ้าจะตำหนิสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นจำเลยที่ ๑ มหาเถรสมาคมก็ต้องเป็นจำเลยที่ ๒ เพราะว่าตั้งแต่เกิดเรื่องมา บุคคลที่พอจะมีน้ำหนัก เอ่ยปากอะไรออกมาแล้วสังคมยอมรับ ทุกท่านเก็บตัวเป็น "เตมีย์ใบ้" รักษาสถานภาพตนเองเท่านั้น ใช้ภาษาชาวบ้านก็คือ "ไม่อยากเปลืองตัว" ปล่อยให้พระหนุ่มเณรน้อยออมาเต้นกันเอง กลายเป็นที่ดูถูกดูแคลนของศาสนาอื่นเขา แค่ LGBTQ ท่านหนึ่งไปด่าสาวต่างศาสนาเข้า ผู้คนของศาสนาเขาดาหน้ากันออกมาปกป้องคนของเขา เรียกร้องให้ขอโทษให้ได้ แม้ว่าจะโดนลงโทษให้ออกจากงานไปแล้วก็ตาม..!
ท่านทั้งหลายเคยเห็นบ้างหรือไม่ว่า พุทธศาสนิกชนของเราก็ดี หน่วยงานที่ทำหน้าที่แทนคณะสงฆ์ก็ดี แม้แต่รัฐมนตรีที่กำกับงานคณะสงฆ์ก็ดี มีใครออกมาปกป้องพระภิกษุสามเณรของเราบ้าง ?
จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายจะพึ่งพาอาศัยคนอื่นไม่ได้ นอกจากต้องเคร่งครัดในพระธรรมวินัยให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แล้วเรื่องพวกนี้ก็จะบีบคั้นมารอบด้าน จนกระทั่งอาจจะมีพระสังฆาธิการลาออกจากตำแหน่งกันมากมายในภายหน้า แล้วพระพุทธศาสนาของเราก็จะตั้งอยู่ไม่ได้ เพราะว่าเข้าไปเมื่อไร ก็แปลว่าจะเจอกับเรื่องแบบนี้ และ "โดนลอยแพ" ปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม โดยไม่มีใครออกมาปกป้องดูแล
จึงอยากจะบอกกล่าวกับท่านทั้งหลายว่า เรื่องอะไรที่เกิดขึ้น ต้องรู้จักวิเคราะห์แยกแยะด้วย ไม่ใช่ถึงเวลาก็เอาแต่ด่าเขาอย่างเดียว ต้องมีการแนะนำวิธีแก้ไขด้วย อย่างเช่นว่าพระอุปัชฌาย์อาจารย์และเจ้าอาวาส ต้องอบรมสั่งสอนพระภิกษุสามเณรของเราให้อยู่ในกรอบของพระธรรมวินัย ให้การศึกษาเพื่อให้ท่านรู้เท่าทันทางโลก ฉวยโอกาสที่วิกฤตศรัทธาเกิดขึ้น ทำตนให้น่าเลื่อมใสศรัทธา ไม่ใช่ว่าออกมาด่าอย่างเดียว โดยไม่ชี้ทางออกบอกทางถูกให้ ถ้าอย่างนั้นก็ไร้ประโยชน์ เพราะว่าเขาไม่ฟังเราอยู่แล้ว..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๖ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 02:27
|