เรื่องพวกนี้สำคัญที่สุดก็คือทางคณะสงฆ์ของเรา โดยเฉพาะผู้ที่สนองงานคณะสงฆ์ ก็คือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทำไมไปปล่อยให้บุคคลที่ไร้ศีลไร้ธรรมยังไม่พอ ยังขาดความเข้าใจเรื่องของคณะสงฆ์ มาออกกฎบีบคั้นจนกระทั่งพระภิกษุสามเณรจะอยู่กันไม่ได้ ? แล้วก็พอกันทีกับไอ้คำพูดชุ่ย ๆ ประเภทที่ว่า "ถ้าไม่ผิดแล้วจะกลัวอะไร" เพราะว่าพระท่านไม่ผิดมาตั้งแต่ต้น แต่พวกมึงนั่นแหละ..ที่ไปบีบคั้นท่านให้ผิด..!
ปัจจัยไทยธรรมต่าง ๆ พระได้มาจากญาติโยมด้วยความศรัทธาเป็นการส่วนตัว ไม่ใช่งบประมาณแผ่นดินจากภาษีอากร ที่จะมาจ้องจับผิดกันว่ามีการโกงการกินหรือเปล่า ? วิธีที่ดีที่สุดก็คือแยกแยะให้ชัดเจนว่า อะไรเป็นเรื่องส่วนตัว อะไรเป็นเรื่องของสงฆ์ อย่างที่กระผม/อาตมภาพทำอยู่เสมอ ก็คือถ้าไม่ชัดเจนเมื่อไรก็ผลักเข้ากองกลางเป็นของสงฆ์ไปหมด ยกเว้นที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าถวายเป็นการส่วนตัว จึงจะเอาเข้าบัญชีส่วนตัว
แล้วทุกวันนี้ ท่านทั้งหลายก็จะเห็นว่าบัญชีวัดท่าขนุนติดลบทุกปี แล้วเอาที่ไหนมาติดลบ ? ก็เอามาจากเงินส่วนตัว ก็แปลว่าทุกวันนี้ กระผม/อาตมภาพต้องควักกระเป๋าตัวเอง เพื่อไปโปะในกิจการคณะสงฆ์จนนับไม่ถ้วนแล้ว อยากจะถามว่าไอ้คนที่ออกกฎเกณฑ์มาเพื่อให้พระปฏิบัติ เคยทำแบบนี้บ้างหรือไม่ ? แม้แต่บาทเดียวเคยควักกระเป๋าเพื่อส่วนรวมหรือไม่ ? เห็นแต่เบิกทุกอย่าง ไม่ว่าจะเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง เงินค่ายานพาหนะ เบี้ยประชุม แล้วยังทำหน้าที่แบบ "เช้าชามเย็นชาม" อีกต่างหาก..!
ในส่วนนี้ถ้าจะตำหนิคณะสงฆ์ของเราก็ไม่ถนัดปาก ต้องตำหนิหน่วยงานที่เป็นกระบอกเสียงของคณะสงฆ์ ก็คือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ว่าปล่อยให้คนอื่นมาเหยียบหัวพวกคุณได้อย่างไร ? เพราะว่าเป็นคนละหน่วยงานกัน ทำไมไม่รู้จักออกปากแทนพระสงฆ์ของเราบ้าง ?
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 02:25
|