ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านอื่นคงจะเห็นว่า การที่ไปเสียเงินซื้อของกินของใช้ในซุ้มนิทรรศการ ก็จะได้ข้าวของมาในลักษณะที่เรียกว่า "กำไร" แต่ถ้าต้องไปควักทุนการศึกษาอย่างเดียวแบบกระผม/อาตมภาพ แถมยังต้องจ่ายมาก เป็นการขาดทุนหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? แต่ว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นก็มักจะเลี่ยงไป ปล่อยให้กระผม/อาตมภาพเดินประกบประธานกรรมการอยู่แต่ผู้เดียวมาโดยตลอด แต่เรื่องพวกนี้ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน ว่าให้ความสำคัญกับเรื่องอะไรกันแน่ ?
สำหรับเรื่องการศึกษาแล้ว กระผม/อาตมภาพนั้นไม่เคยเสียดายเงินเลยแม้แต่น้อย ปัจจุบันนี้ในแต่ละปีนอกจากให้ทุนการศึกษาทั้ง ๓๓ โรงเรียนในเขตอำเภอทองผาภูมิแล้ว พระภิกษุสามเณรของอำเภอทองผาภูมิท่านใด ถ้าตั้งใจจะเรียนที่วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ศรีไพบูลย์ กระผม/อาตมภาพก็ถวายค่ารถให้รูปละ ๓,๐๐๐ บาททุกเดือน
ถ้าหากว่าเป็นพระวัดท่าขนุนเอง ถ้าเรียนที่วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ศรีไพบูลย์ ก็รับเท่ากับวัดอื่น ๆ แต่ถ้าหากว่าเรียนที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) หรือว่าที่ มจร. (มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย) วังน้อย ก็เพิ่มให้อีก ๒,๐๐๐ บาท เป็นเดือนละ ๕,๐๐๐ บาท จ่ายค่าเทอมให้ต่างหาก เหล่านี้เป็นต้น
การศึกษานั้นเป็นการเพิ่มโลกทัศน์ของคนให้กว้างไกลขึ้น มีโอกาสในการทำมาหากินได้ง่ายขึ้น จึงเป็นเรื่องที่กระผม/อาตมภาพตั้งใจที่จะช่วยอย่างเต็มที่ แต่ก็มีกฎเกณฑ์กติกาของตน ก็คือขอช่วยเฉพาะในเขตทองผาภูมินี้เท่านั้น เนื่องเพราะว่าถ้าช่วยเหลือทั่วไป มีเท่าไรก็ไม่เพียงพอ..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 01:57
|