ในเมื่อต้องส่งลูกเรียนทุกคน สิ่งที่กระผม/อาตมภาพได้รับก็เป็นมรดกตกทอดจากพี่ ๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อ เป็นกางเกง เป็นรองเท้า เป็นหนังสือ ซึ่งเสื้อกางเกงก็ปะแล้วปะอีก รองเท้าก็ขาดจนกระทั่งนิ้วเท้าโผล่ออกมา..!
หนังสือก็ต้องพยายามหากระดาษที่ค่อนข้างหนา อย่างเช่นว่ากระดาษถุงปูนซีเมนต์ ซึ่งสมัยนั้นก็หายากเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้มาแล้วก็ต้องมาตัดให้ได้ขนาดกับหนังสือ แล้วก็เอาข้าวสุกเป็นกาวในการติด เพื่อที่จะให้หน้าปกแข็งแรง รักษาหนังสือเอาไว้ให้ใช้ได้ไปถึงรุ่นน้อง ๆ ต่อไป
การเรียนในสมัยนั้น พอขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ก็ต้องเริ่มจ่ายค่าเทอม กระผม/อาตมภาพเองนั้น ต้องขอผัดผ่อน ผัดแล้วผัดอีก จนกระทั่งถึงเส้นตายว่าถ้ายังไม่จ่ายก็ไม่ได้ "สอบไล่" ก็คือสอบในการขึ้นชั้นต่อไป จึงต้องมาควานหาเงินกันจนหมดบ้าน ถึงขนาดทุบกระปุกออมสิน เพื่อที่จะไปจ่ายค่าเทอม
ตอนเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ นั้น ค่าเทอมก็แค่ ๒๒๐ บาท แต่ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า ตอนที่กระผม/อาตมภาพเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ นั้น ก๋วยเตี๋ยวชามละ ๑ สลึงเท่านั้น จนกระทั่งถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ก๋วยเตี๋ยวก็ยังชามละบาทเดียว ถ้าหากว่าสั่งพิเศษ มีหมูสับชิ้นเท่าฝ่ามือ ก็อยู่ที่ ๓ บาทเท่านั้น ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จำนวนเงิน ๒๒๐ บาทจึงเป็นจำนวนเงินที่มากอย่างยิ่ง
ความจริงโยมแม่ให้กระผม/อาตมภาพหยุดเรียนตั้งแต่จบชั้นประถมปีที่ ๗ แล้ว แต่ด้วยความที่อยากเรียนต่อ ก็ต้องไปสอบชิงทุนการศึกษา ซึ่งทั้งอำเภอมีแค่ทุนเดียว จำนวน ๖๐๐ บาท แล้วก็รวม ๆ กับงานต่าง ๆ ที่ออกไปรับจ้างเขาทำในช่วงเลิกเรียน สะสมเงินเอาไว้จนกระทั่งพอที่จะจ่ายค่าเทอมในแต่ละปี ครั้นจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ แล้ว พรรคพวกเพื่อนฝูงที่เรียนค่อนข้างจะเก่ง มั่นใจว่าจะเรียนต่อมหาวิทยาลัย ก็ไปเข้าเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 01:53
|