[เถรี]

คราวนี้ที่กล่าวมาถึงตรงนี้ก็เพราะว่า หลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ว่า "ใบไม้กำมือเดียว" นั้น เป็นของจริง ของแท้ที่พิสูจน์อย่างไรก็จะได้ผลอย่างนั้น ท่านบอกว่า "สรรพสิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง" ก็ไม่เที่ยงจริง ๆ วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไปแล้วบ้าไปเลย..! ก็คือวิทยาศาสตร์เจาะเข้าไปถึงนิวเคลียส มีอณู มีปรมาณูเป็นอะตอม จะมีนิวเคลียส ขั้วบวก ขั้วลบ ปรากฏว่าไม่ได้ทรงตัว ชนกันแล้วแตกตัวไปเรื่อย ๆ หมุนเวียนไปเรื่อย ไม่เที่ยงจริง ๆ..!

ทุกวันนี้วิทยาศาสตร์เขายังสงสัยว่า พระพุทธเจ้าทำไมตรัสได้เต็มปากเต็มคำ ? พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า "ตถาคตปฏิญาณตนว่าตรัสรู้..ก็ตรัสรู้จริง ๆ ตถาคตสอนธรรมเพื่อความหลุดพ้นแห่งสรรพสัตว์ทั้งหลาย..ก็สอนธรรมเพื่อความหลุดพ้นแห่งสรรพสัตว์ทั้งหลายจริง ๆ" เหล่านี้เป็นต้น

ท่านก็เลยอยู่ในฐานะผู้ไม่หวั่นไหว ท่านบอกว่า "ตถาคตจะนั่งอยู่ในหมู่ท้าวมหาพรหมก็ดี ตถาคตจะนั่งอยู่ในหมู่ท้าวมหาราชก็ดี ตถาคตจะนั่งอยู่ในหมู่พระเจ้าจักรพรรดิก็ดี ตถาคตจะนั่งอยู่ในหมู่พระมหากษัตริย์ผู้มากด้วยเดชานุภาพก็ดี ตถาคตจะนั่งอยู่ในหมู่พราหมณ์มหาศาลก็ดี ไม่มีความหวั่นไหว เพราะตถาคตปฏิญาณตนว่าตรัสรู้ธรรม..ก็ตรัสรู้จริง ๆ หลักธรรมของตถาคตช่วยผู้ปฏิบัติให้พ้นทุกข์ได้..ก็พ้นทุกข์ได้จริง ๆ ตถาคตแสดงธรรมเพื่อความหลุดพ้นแห่งสรรพสัตว์ทั้งหลาย..ก็แสดงธรรมเพื่อความหลุดพ้นของสรรพสัตว์ทั้งหลายจริง ๆ"

ท่านไม่ได้สอนเพราะต้องการให้คนเคารพท่าน ท่านไม่ได้สอนเพราะต้องการให้คนสรรเสริญท่าน ไม่ได้สอนให้คนกราบไหว้บูชาท่าน แต่ท่านสอนด้วยน้ำพระทัยกรุณา อยากให้สัตว์ทั้งหลายพ้นทุกข์ อย่างที่บอกว่าน้ำท่วมรังมดเข้ามาทุกทางแล้ว มดก็วิ่งพล่านไปหมด เหยียบกันไปเหยียบกันมาอยู่ตรงนั้น แต่ไม่มีมดตัวไหนที่คิดจะว่ายโต้คลื่นออกไปเลย ค่อย ๆ รอน้ำท่วมตายหมดทั้งรัง..! ก็เลยกลายเป็นว่ามนุษย์ทั้งหลายยังตกอยู่ในความประมาทมาก