แต่ก็มีญาติโยมจำนวนหนึ่ง ไม่กล้านำเอาลูกมาบวชพระบวชเณรที่วัดท่าขนุน เนื่องเพราะว่าต้องตื่นไปปฏิบัติธรรมกันตั้งแต่ตี ๓ ครึ่ง เกรงว่าลูกของตนจะลำบาก..! กระผม/อาตมภาพเองก็ได้แต่สงสารเขาเหล่านั้นเป็นอย่างมาก อยากได้พระที่มีความเคร่งครัด มีความตรงไปตรงมาตามหลักธรรมในพระพุทธศาสนา แต่ไม่ยอมให้ลูกหลานของตนเองไปบวชในวัดที่เคร่งครัด เพราะเกรงว่าลูกหลานจะลำบาก ความคิดในลักษณะที่ย้อนแย้งกับความต้องการของตนเองแบบนี้ ท่านทั้งหลายก็คงจะสับสนกับชีวิตไปอีกนาน..!
ก็ได้แต่หวังว่า บรรดาญาติโยมทั้งหลายที่บุญถึง บารมีถึง มีโอกาสได้รักษาศีล เจริญภาวนา ให้ตั้งหน้าตั้งตาเสาะหาความดีใส่ตัวไว้ตั้งแต่เช้ามืดทุกวัน แล้วถ้าสามารถประคับประคองรักษาอารมณ์คุณงามความดีนั้น ไว้ได้ตลอดทั้งวันยิ่งดี
แต่ถ้าท่านยังยืนระยะไม่ได้ ก็ให้หาเวลาช่วงกลางวันไปภาวนาต่อสักเล็กน้อย ในช่วงที่พักผ่อน หรือว่ารับประทานอาหาร เราก็สามารถที่จะมีกำลังยืนหยัดต่อสู้กับเรื่องทางโลก ๆ ต่อไปได้จนถึงเย็น
เมื่อถึงเวลาเย็น ก่อนนอนก็ให้เราภาวนาส่งจิตไปกราบพระ ตั้งใจว่าเรานอนเหยียดยาวลงไปแล้ว ก็เหมือนกับคนตาย ถ้าไม่ได้ตื่นขึ้นมาพบกับดวงตะวันในวันรุ่งขึ้นก็ไม่เป็นไร เราขอไปอยู่กับพระพุทธเจ้าบนพระนิพพาน
ถ้าทุกท่านสามารถทำแบบนี้ได้ แล้วชำระศีลของตนให้บริสุทธิ์บริบูรณ์โดยไม่ประมาท รู้ตัวอยู่เสมอว่าตนเองต้องตาย เอาจิตเกาะพระ เกาะคุณงามความดีเอาไว้ ก็จะเป็นหลักประกันได้ว่า โอกาสที่ท่านทั้งหลายจะไปสู่สุคติย่อมมีมากกว่าอย่างแน่นอน
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๒๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-08-2025 เมื่อ 03:29
|