เมื่อกระผม/อาตมภาพได้ยินดังนั้นถึงได้รู้ว่า สิ่งที่เราทำนั้นนอกจากอยู่ในสายตาชาวบ้านตลอดเวลาแล้ว แม้แต่ผู้บังคับบัญชาก็ยังสังเกตอยู่ตลอด และท้ายที่สุดสิ่งที่เราตั้งใจทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ก็อยู่ในลักษณะกลายเป็นที่ยอมรับได้
ปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะมีงานการคณะสงฆ์ที่ไหนก็ตาม ทุกวัดตลอดจนกระทั่งพระสังฆาธิการแทบทุกรูป ก็ไม่เคยเห็นน้องเล็กเป็นคนอื่น แม้กระทั่งในหมู่คณะกรรมการและอนุกรรมการโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ทุกคนก็เรียกใช้ไหว้วานเหมือนอย่างกับคนของตัวเอง ทำให้ไปนึกถึงภาษิตโบราณที่ว่า "หนทางพิสูจน์ม้า เวลาพิสูจน์คน"
แต่ขอโทษเถอะ..ก็จะมีบรรดาผู้ที่ปัญญามาก เข้าถึงธรรมสูง อยากจะเห็นความบริสุทธิ์บริบูรณ์ของพระพุทธศาสนา ตำหนิติเตียนหรือต่อว่ามาเป็นประจำ ๆ แต่ว่าหลังจากที่โดนมาหลายปี ก็ทำให้น้องเล็กมีภูมิต้านทานเพียงพอ ที่จะใจเย็นอธิบายให้ท่านทั้งหลายฟังแบบไม่เบื่อไม่หน่าย ทั้ง ๆ ที่กระผม/อาตมภาพบอกว่าให้บล็อกเบอร์ทิ้งไปเลย ไม่ต้องเสียเวลาไปพูด แต่ก็ยังอุตส่าห์ค่อย ๆ พูด ค่อย ๆ อธิบาย ยกเว้นเวลาที่ขับรถอยู่ ก็จะบอกว่ากำลังขับรถ ไม่สามารถที่จะคุยโทรศัพท์ได้นาน ขออนุญาตวางหูก่อน หลังจากนั้นมีเวลาว่างแล้วค่อยโทรไปอรรถาธิบายใหม่
กระผม/อาตมภาพยังคิดว่าน้องเล็กสมควรที่จะเป็นพระมากกว่ากระผม/อาตมภาพอีก เพราะว่ามีเมตตากรุณามาก แต่กระผม/อาตมภาพนั้น ส่วนใหญ่มีแต่อุเบกขา หรือไม่ถ้ามีงี่เง่ามาก ๆ ก็อาจจะว้ากใส่ไปเลย..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๑๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-08-2025 เมื่อ 01:16
|