กระผม/อาตมภาพต้องบอกว่าเป็นผู้มีกรรม ในตอนแรกให้พี่เขยของตนเองมาช่วยขับรถวัดให้ ขับได้ประมาณ ๒ ปีเศษก็ขออนุญาตบวช แล้วก็มรณภาพในผ้าเหลืองไปเลย..!
ครั้นมาให้น้องชายของตนเองช่วยขับรถให้ ขับได้ปีกว่า ๆ ก็ขอบวชอีก และตอนนี้ก็ธุดงค์หายเข้าป่าไปสุดหล้าฟ้าเขียว เพื่อแสวงหาธรรมเฉพาะตน ให้หลานชายของตนมาขับให้ ขับได้ประมาณ ๗ เดือนเศษ ก็หนีไปขอบวชกับหลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ ป.ธ.๙) วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร จนป่านนี้ก็ไม่รู้ว่าท่านไปอยู่ที่ไหน ?
จนกระทั่งต้องเอาน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ซึ่งนับแล้วก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน และอาจจะอยู่ในฐานะศักดิ์ตระกูลสูงกว่าเสียด้วยซ้ำมาขับรถให้ จึงพอที่จะทนอยู่ได้มาหลายปี เพราะว่าจะให้ไปโกนศีรษะบวชชี ก็คงจะไม่สะดวกด้วยประการทั้งปวง..!
ระยะแรก ๆ ชาวบ้านก็ช่วยกันจับผิดแบบสาหัสสากรรจ์ พูดง่าย ๆ ว่าน้องเล็กต้องใช้น้ำตาล้างหน้าอยู่ทุกวัน ประมาณว่าตั้งใจมาทำความดีแท้ ๆ ทำไมถึงต้องมากีดกันบีบคั้นกันจนขนาดนี้ ? ครั้นเวลาผ่านไปเนิ่นนาน ไม่มีสิ่งหนึ่งประการใดที่เป็นสิ่งที่เขาระแวง ทุกคนก็ค่อยผ่อนผันและยอมรับได้
แม้กระทั่งผู้บังคับบัญชาทางสายของคณะสงฆ์ก็สังเกตอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งมีเจ้าอาวาสวัดหนึ่ง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังในจังหวัดกาญจนบุรี โดนผู้บังคับบัญชาขอให้ลาสิกขาไป เนื่องเพราะว่าให้ผู้หญิงขับรถให้เช่นกัน ท่านก็อ้างว่า "แล้วทำไมวัดท่าขนุนถึงทำได้ ?" ทำเอาหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัด ซึ่งขณะนั้นยังเป็นพระราชาคณะชั้นราชที่พระราชวิสุทธิเมธี ถึงกับโวยใส่หน้าว่า "อาจารย์เล็กแกพยายามที่จะกลับให้ถึงวัดก่อนค่ำแทบทุกครั้ง ส่วนคุณออกจากวัด ๔ ทุ่ม กว่าจะกลับมาก็ตี ๓ ตี ๔ แล้วจะให้ผมคิดอย่างไรว่าคุณให้ผู้หญิงขับรถแล้วบริสุทธิ์ใจจริง ?"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-08-2025 เมื่อ 01:15
|