ลักษณะแบบนี้คือบุคคลประเภท "เถรตรง" หรือจะว่าเป็นบุคคลที่ใช้หลักธรรมไม่ถูกต้องกับสถานการณ์ เป็นการยึดหลักธรรมตายตัวในลักษณะพลิกแพลงไม่เป็น ต้องบอกว่าขาดปัญญาเป็นอย่างมาก จึงกลายเป็นผู้ที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ทั้ง ๆ ที่หลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ช่วยให้ประสบความสำเร็จในชีวิต และอยู่ร่วมกับสังคมเป็นอย่างดีมาก
ท้ายสุดบุคคลผู้นี้ก็ตัดสินใจเลิกนับถือพระพุทธศาสนา หันไปถือศาสนาคริสต์แทน เพราะว่าวัตรปฏิบัติไม่ได้เคร่งครัดเหมือนกับหลักธรรมของชาวพุทธ ตามที่เขาเล่าให้ฟัง แต่กระผม/อาตมภาพก็มั่นใจว่า ถ้าหากว่ายังใช้หลักทางพระพุทธศาสนาก็ดี ศาสนาอื่นก็ตาม แบบ "เถรตรง" ในลักษณะแบบนี้ต่อไป ก็คาดว่าท่านอาจจะต้องเปลี่ยนศาสนาไปเรื่อย ๆ จนกว่าที่จะหายโง่เสียที..! ว่าหลักธรรมทุกอย่างเป็นของดี เพียงแต่เราใช้ผิดกาลเทศะเท่านั้น
เมื่อได้ยินคำตักเตือนของบุคคลผู้เข้าถึงธรรม ให้ไม่ระงับเวรด้วยการจองเวร กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่ทอดถอนใจว่า บุคคลประเภทนี้มีมากขึ้นไปเรื่อย ๆ..!
อีกประการหนึ่งก็คือการที่ไอ้ตัวเล็กรับผิดชอบในเรื่องของเงินทองแทนวัด โดยที่ได้รับการมอบหมายจากกระผม/อาตมภาพแล้วก็ตาม แต่ว่าระยะนี้เมื่อมีข่าวคราวของบุคคลที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเงินวัด จึงมีผู้ที่สงสัยโทรมาสอบถามอยู่ทุกวันว่า "เหตุใดจึงให้ฆราวาสไปยุ่งเกี่ยวกับเงินพระ ?" โดยที่ไม่ได้ดูเลยว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงให้มีไวยาวัจกรในการทำหน้าที่ทั้งหลายเหล่านี้แทน เพราะว่าถ้าพระภิกษุของเราไปยุ่งเกี่ยวกับเงินทองโดยตรง บรรดาผู้ฉลาดทั้งหลายเหล่านี้ก็จะตำหนิหนักขึ้นไปอีก..!
เพียงแต่ว่าเจ้าหน้าที่ผู้ชายนั้นหาได้ยากมาก เพราะว่าทุกคนก็ล้วนแล้วแต่มีงานประจำทั้งสิ้น ครั้นใช้เจ้าหน้าที่ผู้หญิง เมื่อญาติโยมโทรมา พอได้ยินเสียงผู้หญิงก็ยิ่งอาละวาดหนักเข้าไปอีกว่า เบอร์โทรศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับวัดก็ดี เบอร์โทรศัพท์ของพระก็ตาม ทำไมถึงมีผู้หญิงเป็นผู้รับโทรศัพท์ ? กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่ถอนใจว่า ถ้าท่านไม่มีความไว้วางใจในเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ก็ไปหาสถานที่ซึ่งท่านไว้วางใจและทำบุญได้อย่างสบายใจจะดีกว่าหรือไม่ ?
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-08-2025 เมื่อ 01:13
|