ประการต่อไปก็คือประเทศจีนเอง บริเวณเกาะไห่หนาน หรือที่เราเรียกว่าไหหลำ ซึ่งมีบรรยากาศคล้ายคลึงกับประเทศไทย มีการปลูกทุเรียนเองเป็นพัน ๆ ไร่ ซึ่งเริ่มให้ผลผลิตเองแล้ว ตลอดจนกระทั่งประเทศลาวและเวียดนาม ก็มีทั้งนักลงทุนภายในประเทศของตนเอง และพ่อค้าจีนไปร่วมลงทุน ทำการปลูกทุเรียนเป็นจำนวนมาก แล้วเขาสามารถที่จะขนส่งตรงเข้าประเทศจีนได้เลย ทำให้ทุเรียนสดใหม่กว่า เนื่องเพราะว่าลาวมีทางรถไฟความเร็วสูง ที่มุ่งตรงสู่ประเทศจีนเลย
ส่วนประเทศเวียดนามนั้น ทางด้านตอนเหนืออย่างเช่นเมืองหล่าวกายที่กระผม/อาตมภาพเรียกเล่น ๆ ว่า "เมืองเล้าไก่" ก็มีพรมแดนติดกับประเทศจีน สามารถที่จะขนส่งทางรถยนต์ถึงภายในวันเดียว จึงทำให้ได้เปรียบในเรื่องของการค้า ก็คือต่อให้ทุเรียนรสชาติยังไม่ได้อย่างของประเทศไทย แต่ด้วยความที่ประหยัดในการขนส่ง ราคาก็จะถูกกว่า พ่อค้าจีนย่อมรับซื้อในสิ่งที่ถูกกว่าแล้วไปขายในราคาเดิม ซึ่งแพงเท่ากับทุเรียนไทย ก็ทำให้ได้กำไรมากกว่า
จึงหาซื้อทุเรียนจากเมืองไทยน้อยลง เพราะว่าเมืองไทยเรามีการขนส่งทางเรืออย่างเดียว การขนส่งทางรถยนต์ จะผ่านประเทศลาวก็ดี ประเทศเวียดนามก็ดี ก็ยังเป็นระยะทางที่ไกลเกินไป และขนส่งได้ครั้งละไม่มากเหมือนทางเรือ เราจึงเสียเปรียบเขาทางด้านนี้
ประการสุดท้ายที่กระผม/อาตมภาพมองเห็น และบ่นทุกครั้งที่ได้เข้าร่วมประชุมในฐานะกรรมการจัดงาน เทศกาลผลไม้ของดีอำเภอทองผาภูมิ และสืบสานลานบ้านลานวัฒนธรรม ก็คือพ่อค้าของพวกเราไม่รู้หลักการค้า ถ้าเราขายราคาถูกลงแต่ขายได้มาก ก็เท่ากับกำไรมาก แต่นี่ท่านทั้งหลายกะจะเอารวยทีเดียว ขายทุเรียนกิโลกรัมละ ๑๘๐ บาทบ้าง ๒๐๐ บาทบ้าง ซึ่งราคานี้ลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่ก็คือคนจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑล สามารถที่จะเลือกซื้อในห้าง ชนิดที่เขาแกะเปลือกแล้วด้วย พูดง่าย ๆ ก็คือราคานี้เป็นราคาประกันสินค้าเลย ว่าต้องได้ของดีแน่นอน ไม่ต้องมาลุ้นว่าเจอทุเรียนอ่อนหรือเปล่า ?
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-08-2025 เมื่อ 00:39
|