ด้วยความที่ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง ให้ใจกับงานโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ เป็นอย่างมาก เพราะว่าเป็นไปตามโครงการยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ซึ่งมีการเซ็นเอ็มโอยูกัน ระหว่างคณะสงฆ์กับกระทรวงมหาดไทย แปลว่าเราจะต้องเจอหน้ากันลักษณะแบบนี้อีกหลายปี ท่านจึงให้ใจแบบสุด ๆ ไม่ว่าจะเป็นคณะสงฆ์ก็ดี ทางส่วนราชการก็ตาม มากันครบถ้วนสมบูรณ์ ต้องชมว่าหลวงพ่อเจ้าคุณประเวช เจ้าคณะจังหวัดอ่างทองนั้น แม้ว่าตัวเล็กแต่ว่าทำงานเก่งมาก ประสานงานให้ทุกฝ่ายมาให้ความร่วมมือกันอย่างชนิดที่สมบูรณ์แบบ ทุกคนอยู่จนกระทั่ง ๑๑ โมงกว่า ถึงได้ทำการปิดประเมิน ถ่ายรูปหมู่ร่วมกัน
กระผม/อาตมภาพไม่ได้อยู่ร่วมฉันเพล เนื่องเพราะว่าไข้เริ่มจับอีกแล้ว จากหนาวสุดมาเจอร้อนสุดเข้า ร่างกายรู้สึกว่ารับไม่ไหว จึงได้ให้น้องเล็กพาวิ่งกลับยังที่พักวัดอุทยาน พร้อมกับฉันข้าวของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มีติดรถอยู่ รวมทั้งมะม่วงดองด้วย เป็นอาหารมื้อเพล ไปถึงทางวัดอุทยานได้ก็เข้าที่พักสลบไสลไปเลย กว่าจะฟื้นตื่นขึ้นมาได้ ก็เล่นเอาบ่ายโขทีเดียว ต้องบอกว่าสภาพร่างกายชักจะเสื่อมโทรมไปตามสังขารที่อายุกาลผ่านวัยขึ้นทุกที
สมัยบวชใหม่ ๆ เฝ้าอยู่หน้าห้องที่ทำงานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ก็คือตึกริมน้ำ สถานที่ตรงนั้นเรียกว่า "หน้าตึก" เพราะว่าเป็นห้องที่ต่อออกมาโดยที่ใช้มุ้งลวดล้อมรอบ ลมเข้าได้ทุกทิศทุกทาง แม้เป็นหน้าหนาวที่หนาวจนกระทั่งน้ำมันชาตรีแข็งตัวหมดทั้งขวด..! กระผม/อาตมภาพก็ยังใส่อังสะตัวเดียวอยู่ได้สบาย ขนาดพระเดชพระคุณหลวงพ่อถามว่า "แกไม่มีเครื่องกันหนาวหรือ ?" ยังกราบเรียนท่านไปว่า "ยังไม่หนาวครับ" แต่พอหลังอายุ ๓๐ มาแล้ว ไม่ต้องให้หลวงพ่อท่านถาม แต่ว่าวิ่งไปหาเครื่องกันหนาวมาใส่เอง..!
พอถึงอายุ ๔๐ ปีขึ้นมา จากที่ทำงานกันข้ามวันข้ามคืนเท่าไรก็ไม่เหนื่อย บางทีเดินจงกรมทั้งวันทั้งคืน จนกระทั่งตี ๒ ตี ๓ ถึงจะได้พักนอนสัก ๒ ชั่วโมง แล้วลุกขึ้นมาเดินจงกรมต่อ พอหลังอายุ ๔๐ มาเริ่มรู้สึกว่าเหนื่อยเหมือนกัน แต่พอหลังอายุ ๕๐ นี้ เริ่มรู้สึกแล้วว่า จากที่ขึ้นเขาลงห้วยเท่าไรก็เหมือนกับเครื่องจักรเครื่องยนต์ ตอนนี้กลับรู้สึกว่าขึ้นบันไดแล้วเมื่อย..!
พอหลังอายุ ๖๐ ตอนนี้กำลังไม่พอที่จะรักษาตัวแล้ว ถึงเวลาถ้าไม่รีบพัก ไม่ไข้จับก็คอพับหมดสภาพไปเลย..! จึงได้แต่ปฏิบัติหน้าที่ของตนเองไปแต่ละงาน หรือว่าแต่ละวัน พูดง่าย ๆ ว่าทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ไปได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2025 เมื่อ 02:02
|