จากนั้นทางด้านคณะกรรมการวัด ซึ่งมีทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้นำรถรางที่ยืมมาจากบรรดา อบต. บ้าง เทศบาลบ้าง ไม่ทราบเหมือนกันว่ารถรางเทียมนี้ เป็นที่นิยมของทางด้านนี้เป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะว่าทุก อบต. หรือว่าทุกเทศบาล ต่างก็มีอย่างน้อยแห่งละคันสองคัน มานำเอาบรรดาคณะกรรมการ อนุกรรมการ ตลอดจนกระทั่งบรรดาพลขับ ขึ้นรถข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งซึ่งเป็นที่ตั้งวัด
ลืมแจ้งทุกท่านไปว่า สถานที่ตรวจประเมินนั้นก็คือศาลาโดมเอนกประสงค์ ข้างมหาวิหารหลวงพ่อสด ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับฝั่งวัด มีถนนและคันคลองคั่นอยู่ หลังจากที่เราข้ามคลองส่งน้ำไปทางฝั่งโบสถ์แล้ว ก็ได้เข้าไปกราบพระประธาน ซึ่งดูทั้งลักษณะของอุโบสถ ตลอดจนกระทั่งพระประธานแล้ว รับประกันได้เลยว่าสร้างก่อนปี ๒๕๐๐ อย่างแน่นอน เนื่องเพราะว่าทรงเหมือนอย่างกับถอดจากอุโบสถวัดท่าขนุนไป โดยฝีมือช่างเดียวกันเลย โดยเฉพาะเมื่อดูที่ฐานพระประธานแล้ว การประดับกระจกก็เป็นฝีมือช่างเดียวกันอีกต่างหาก..!
เมื่อพวกเราเจริญพระพุทธมนต์ถวายหลวงพ่อพระประธานและถ่ายรูปหมู่ร่วมกันแล้ว ทางวัดก็พาไปกราบ "หลวงพ่อโยก" หลวงพ่อโยกก็คือพระพุทธรูปเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา คาดว่าเป็นทองคำ แล้วก็มีการพอกปูนซ่อนเอาไว้ เพื่อให้รอดพ้นจากเงื้อมมือทหารพม่า
ปรากฏว่าก่อนหน้านี้ท่านหันไปด้านตะวันออกตรง แต่พอสร้างวิหารครอบ ไม่ทราบเหมือนกันว่าหลวงพ่อท่านหันหลบพวกนั่งร้านหรืออย่างไร ? ก็เลยกลายเป็นหันหน้าไปทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ แต่เมื่อจับหมุนกลับมาทิศเดิม ท่านก็หันกลับไปทิศตะวันออกเฉียงเหนืออีก แต่ว่าวิหารได้ออกแบบให้หันทิศตะวันออกตรงไปแล้ว จึงกลายเป็นว่าหลวงพ่อต้องนั่งเอียงข้าง ไม่ตรงกับทางเข้าวิหาร
ส่วนที่สำคัญก็คือว่าข้าราชการท่านใดก็ตาม ถ้าหากว่าต้องการจะโยกย้ายไปจังหวัดไหน หรือว่ากลับถิ่นฐานบ้านช่องของตัวเอง ก็มักจะมากราบขอพรหลวงพ่อโยก แล้วส่วนใหญ่ก็สำเร็จเสียด้วย..! กระผม/อาตมภาพเข้าไปถวายดอกบัวหลวงพ่อโยกแล้ว กราบเรียนหลวงพ่อบอกว่า "ไม่โยกย้ายนะขอรับ" แล้วก็ได้แต่หัวเราะในใจ เนื่องเพราะท่านบอกว่า "อย่างของคุณนั้นนอกเหตุเหนือผล ต่อให้ขอ ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะโยกย้ายได้" เสียงที่ว่ามานั้น เป็นเทวดาที่รักษาหลวงพ่อทองคำอยู่ภายในองค์หลวงพ่อโยก..!
หลวงพ่อทองคำนั้นน่าจะเป็นทองเนื้อเจ็ด หน้าตักประมาณ ๓๐ นิ้วเศษ สีสันสดใสสวยงาม ตามที่มองเห็นภายใน แต่ไม่แน่ใจว่าสภาพภายนอกจะเป็นอย่างไร ถือว่าเป็นศิลปะอยุธยาที่มีเศียรเป็นหนามขนุน ซึ่งรูปแบบพวกนี้เราจะมีความเข้าใจ ก็ต่อเมื่อศึกษาลักษณะของพระพุทธรูปยุคสมัยต่าง ๆ มา ถึงพอที่จะรู้กัน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2025 เมื่อ 01:57
|