ครั้งแรกก็คือตั้งแต่เดือนตุลาคมของปีที่แล้ว ถึงเดือนมิถุนายของปีนี้ เป็นการส่งเพื่อให้ตรวจสอบครั้งที่ ๑
ครั้งที่ ๒ ก็คือส่งตั้งแต่ตุลาคมปีที่แล้ว ถึง ๓๐ กันยายนปีนี้ เป็นการตรวจสอบรอบที่ ๒ ว่ามีการผิดเพี้ยนหรือไม่ ?
ครั้งที่ ๓ นั้น เป็นการส่งรายงานผู้บังคับบัญชาคณะสงฆ์ ส่งตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคมของปีนั้น ๆ ถึง ๓๑ ธันวาคมของปีนั้น ๆ
การตรวจสอบเข้มงวดอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ท่านคิดว่าไม่มีการตรวจสอบ แล้วก็ไปออกกฎกระทรวงว่าจะต้องให้มีการทำบัญชีวัด ทำบัญชีเงินทั้ง
รายวันและทั้งที่มีอยู่ในธนาคาร ต้องส่งกันทุกเดือน จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญเรื่องของบัญชีเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อเป็นคณะกรรมการบริหารจัดการเงินวัด
เรื่องของบุคคลที่ปัญญาน้อย แต่คิดว่าตนเองปัญญามาก ไปรับข้อเสนอมาจากบุคคลที่ปัญญาน้อยยิ่งไปกว่า มองเห็นว่าพระสงฆ์สามเณรทั้งหมดคือผู้ร้ายที่ต้องจัดการ เพราะมีแนวคิดที่ว่าพระมีเงินถึงมีเรื่องขึ้น โดยที่ไม่ได้คิดว่า สาเหตุจริง ๆ ก็คือการที่มิจฉาชีพพยายามที่จะเบียดแทรกเข้าไปหาพระ อาศัยความอ่อนโลกของพระ ตลอดจนกระทั่งความคิดว่า ทุกคนที่มาก็คือผู้ที่หวังดีปรารถนาดีต่อศาสนา จนกระทั่งเขาสามารถที่จะหาทาง "แบล็คเมล์" ได้ แล้วก็ทำให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นสึกหาลาเพศไป
แทนที่จะไปจัดการกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ให้หนัก กลับจะมาจัดการกับพระ ซึ่งยังไม่มีทีท่าว่าจะมีข้อผิดพลาดในตรงนี้ เพราะว่าส่วนที่ผิดพลาด ไม่ว่าจะมากจะน้อย ท่านก็ไปบีบคั้นกดดันจนท่านสึกหาลาเพศไปหมดแล้ว..!
และส่วนที่จำเป็นจะต้องคิดเลยก็คือว่า บรรดาอดีตพระเถระทั้งหลายเหล่านั้นเป็นบุคคลที่อยู่ในวัดใหญ่ มีตำแหน่งหน้าที่สำคัญ จึงทำให้มีลาภผลมาก โดยที่ไม่ใช่พระหนุ่มเณรน้อยในวัดวาอารามห่างไกล ท่านทั้งหลายลองไล่ชื่อวัดดู ว่าแต่ละวัดล้วนแล้วแต่เป็นวัดสำคัญ หรือว่าตำแหน่งแห่งที่ของท่านทั้งหลายเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเจ้าคณะภาค รองเจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด เจ้าอาวาสพระอารามหลวง เหล่านี้เป็นต้น ไม่เห็นบอกว่ามี "เจ้าสำนักสงฆ์ป่าช้าวัดดอน" หรือว่า "ประธานที่พักสงฆ์ป่าช้าบ้านโนนหมาหอน" เลยแม้แต่รายเดียว..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-08-2025 เมื่อ 12:00
|